ศีลระลึก

ศีลระลึก

ในสภาใหญ่แห่งสวรรค์ พระบิดาบนสวรรค์ทรงเสนอแผนแห่งความรอด1ให้แก่บุตรธิดาทางวิญญาณของพระองค์  เราเรียนรู้ว่าเราสามารถเป็นเหมือนพระบิดาบนสวรรค์ของเราในพระวรกายอันทรงรัศมีภาพของเนื้อหนังและกระดูก  เพราะเราเป็นบุตรธิดาทางวิญญาณของพระองค์ เราจึงมายังแผ่นดินโลกเพื่อรับร่างกายและได้รับการทดสอบว่าเราจะรักษาพระบัญญัติของพระองค์ได้หรือไม่  หากเราซื่อสัตย์ในการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์ เราจะกลับไปอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์อีกครั้ง  อย่างไรก็ตาม เพราะความไม่ดีพร้อมของเรา เราจะทำบาปและเราต้องการพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อไถ่และชดใช้บาปของเรา

พระเยซูคริสต์ทรงได้รับเลือกเหนือ  ลูซิเฟอร์เพราะพระองค์เต็มพระทัยทำตามพระประสงค์ของพระบิดาและจะถวายรัศมีภาพแด่พระบิดาของพระองค์ 

พระพันธกิจของพระผู้ช่วยให้รอดของเราที่นี่บนแผ่นดินโลกคือพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ดีพร้อมเพียงพระองค์เดียวผู้ทรงรับเอาบาปของโลกไว้กับพระองค์เองและทรงชดใช้บาปเพื่อเรา พระองค์ทรงถูกผู้คนของพระองค์ปฏิเสธ ทรงถูกประณามและถูกตรึงบนกางเขนแห่งคัลวารี  โดยผ่านการชดใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงไถ่เราจากการตกและโดยผ่านการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ พระองค์ทรงเอาชนะความตายและประทานความเป็นอมตะแก่เรา  ในสัปดาห์สุดท้ายของพระองค์บนแผ่นดินโลก โดยที่ทรงทราบว่าเวลาของพระองค์ใกล้จะสิ้นสุด พระองค์ทรงจัดตั้งศีลระลึกกับอัครสาวกของพระองค์เพื่อช่วยให้พวกเขาระลึกถึงพระองค์

ศาสนพิธีศีลระลึก

ศาสนพิธีศีลระลึก

ศีลระลึกเป็นศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอย่างหนึ่งของพระกิตติคุณ  ศาสนพิธีนี้เตือนเราถึงความรักของพระผู้ช่วยให้รอดและการพลีพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติที่ทุกคนจะได้รับโอกาสกลับไปอยู่กับพระองค์และพระบิดาของพระองค์อีกครั้ง “ระหว่างรับประทานอยู่นั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังขึ้นมา และเมื่อขอพระพรแล้ว ก็ทรงหักส่งให้บรรดาสาวกตรัสว่า “จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา”  แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย เมื่อขอบพระคุณแล้ว ก็ทรงส่งให้พวกเขาตรัสว่า “จงรับไปดื่มทุกคนเถิด  เพราะว่านี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนจำนวนมาก”2 

ในสมัยการประทานปัจจุบันของเรา คำสวดศีลระลึกสำหรับขนมปังและน้ำมีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์3เพื่อเตือนใจเราถึงพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ การชดใช้และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์  เราสามารถเรียนรู้อำนาจการชดใช้ของพระองค์ผ่านการเข้าร่วมพิธีศีลระลึกเมื่อเราต่อพันธสัญญาบัพติศมาด้วยใจที่ชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด 

เราสามารถสร้างศรัทธาในพระเยซูคริสต์เมื่อเราพยายามเข้าใจการชดใช้ของพระองค์  การชดใช้คือศูนย์รวมศรัทธาของเราเมื่อ 'เรื่องอื่นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเราล้วนเป็นเพียงส่วนประกอบของเรื่องดังกล่าว'4 และนั่น 'เพราะสมควรที่จะมีการชดใช้… ครั้งสุดท้ายและสำคัญยิ่ง … อันไม่มีขอบเขตและเป็นนิรันดร์.”5

เตรียมรับประสบการณ์ทางวิญญาณเมื่อรับส่วนศีลระลึก

เตรียมรับประสบการณ์ทางวิญญาณเมื่อรับส่วนศีลระลึก

การเตรียมควรเริ่มล่วงหน้าให้ดีที่บ้านของเราก่อนวันสะบาโต  เราควรเตรียมตัวทางวิญญาณโดยการอ่านและศึกษาพระคัมภีร์มุ่งเน้นที่การชดใช้ของพระเจ้าของเราพระเยซูคริสต์  เอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์กล่าวว่า “การมุ่งเน้นที่พระผู้ช่วยให้รอดและการชดใช้ต้องเริ่มมานานแล้วก่อนที่เราจะเดินเข้าไปในอาคารและนานแล้วก่อนที่ปุโรหิตเริ่มคุกเข่า  และข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งนี้จะช่วยเรา  ในการมุ่งเน้นดังกล่าวหากเราจดจำว่านี่คือ ศาสนพิธี  และเป็นช่วงเวลาของศาสนพิธีทุกๆ เจ็ดวันตลอดชีวิตของเรา ... นี่เป็นศาสนพิธีที่ชัดเจนที่สุดและแน่นอนว่าเป็นศาสนพิธีที่ทำซ้ำบ่อยที่สุดในศาสนจักร แต่ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าเราคิดเช่นนั้นหรือไม่  นี่เป็นศาสนพิธีที่ส่วนตัวมาก เป็นศาสนพิธีเพียงอย่างเดียวที่เราทำซ้ำๆ ด้วยตัวเราเอง”6

การรับส่วนศีลระลึกเป็นศาสนพิธีส่วนตัวมาก  เราไม่สามารถขอให้ใครรับส่วนแทนเราได้  พันธสัญญาที่เราทำกับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเรื่องส่วนตัวโดยธรรมชาติวิสัย  เราควรทำให้การรับส่วนศีลระลึกของเราในแต่ละสัปดาห์เป็นคำมั่นสัญญาส่วนตัวกับพระผู้เป็นเจ้า  ด้วยเหตุนี้เราจึงมีข้อผูกมัดที่จะต่อพันธสัญญาของเราและด้วยคำมั่นสัญญาที่เราทำไว้นั้น  เรารับพระนามของพระคริสต์ไว้กับตัวเราเองและรักษาพระบัญญัติของพระองค์

เราควรรับส่วนศีลระลึก
อย่างมีค่าควรเช่นกัน

รับพระนามของพระคริสต์

รับพระนามของพระคริสต์

พระนามของพระคริสต์และพันธ-สัญญาดังกล่าวมีความหมายอย่างไรเมื่อเรารับส่วนศีลระลึก  เอ็ลเดอร์โอ๊คส์กล่าวว่า “ความหมายเดียวที่พบบ่อยที่สุดในพระคัมภีร์ที่อ้างอิงพระนามของพระเจ้าดูเหมือนจะอ้างอิงงานของพระองค์ การชดใช้ของพระองค์ พระพันธกิจของพระองค์ ... การกล่าวพระนามไม่เพียงพอ เราควรได้รับการสร้างบนพระกิตติคุณของพระองค์...พระนามของพระคริสต์มีความหมายถึงแก่นแท้ของพระกิตติคุณ การชดใช้ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์  ทุกคนที่ทำพันธสัญญาว่าพวกเขาเต็มใจรับพระนามของพระคริสต์ไว้กับตนเองกำลังกล่าวว่า ฉันจะจัดการส่วนของฉันในพันธกิจที่ยิ่งใหญ่นี้และส่วนของฉันคือสิ่งที่ฉันได้รับเรียกให้ทำ”7  ขอให้เราเริ่มทำหน้าที่รับผิดชอบนี้ในการช่วยเหลือ  พระเจ้าพระเยซูคริสต์ของเราที่จะดำเนินงานของพระองค์ต่อไปในการจัดตั้งอาณาจักรของพระองค์ที่นี่บนแผ่นดินโลก

การต่อพันธสัญญา

การต่อพันธสัญญา

การรับส่วนศีลระลึกแต่ละสัปดาห์ให้โอกาสเราต่อพันธสัญญาบัพติศมาของเรา  เอ็ลเดอร์แอนเดอร์เซ็นกล่าวว่า “ความเข้มแข็งทางวิญญาณไม่หยุดนิ่งและพันธสัญญาก็เช่นกัน  และหวังว่าสิ่งที่เราสวดอ้อนวอนว่าเราทุกคนในฐานะสมาชิกกำลังดำเนินต่อไปในความเติบโตที่ก้าวหน้า ทั้งในความเข้มแข็งทางวิญญาณและในพันธสัญญาของเรา  พันธสัญญาไม่เพียงนำมาซึ่งคำมั่นสัญญาเท่านั้นแต่นำพลังทางวิญญาณมาด้วย  เราควรสอนให้สมาชิกของเราเข้าใกล้พระบิดาบนสวรรค์  พิธีศีลระลึกเป็นช่วงเวลาที่สวยงามซึ่งไม่ใช่แค่การต่อพันธสัญญาบัพติศมาของเราเท่านั้น แต่เป็นการให้คำมั่นกับพระองค์ว่าเราจะต่อพันธสัญญาทั้งหมดของเรา คำสัญญาทั้งหมดของเรา และเข้าหาพระองค์ด้วยพลังทางวิญญาณที่เราไม่มีก่อนหน้านี้ขณะที่เราก้าวต่อไป”8 

พรจากศีลระลึก

พรจากศีลระลึก

เมื่อเรารับส่วนศีลระลึกแต่ละสัปดาห์ในวันสะบาโต ความนึกคิดของเราจะปรับเข้ากับพระวิญญาณมากขึ้นและกับคำมั่นสัญญาที่เราต่อเพื่อระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา โดยรับพระนามของพระคริสต์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์  ในทางกลับกัน พระบิดาบนสวรรค์ประทานพรเราด้วยการนำทางของพระองค์ผ่านความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่เราจะพบปีติและการปลอบโยนขณะที่เราเติบโตอย่างต่อเนื่องในความเข้มแข็งทางวิญญาณและการต่อพันธสัญญาทั้งหมดของเราอย่างต่อเนื่อง 

ข้าพเจ้าและซิสเตอร์ชานมีโอกาสมากมายที่จะสอนลูกชาย 3 คนของเราถึงจุดประสงค์และความสำคัญของศีลระลึก  เราเริ่มสอนเมื่อพวกเขายังเด็กและพวกเขาเรียนรู้ที่จะให้ความคารวะและแต่งกายอย่างเหมาะสมเพื่อเข้าร่วมการประชุมศีลระลึกในวันอาทิตย์  การสังสรรค์ในครอบครัวเป็นช่วงเวลาอันมีค่าที่เราใช้สอนพวกเขา  เราฝึกร้องเพลงสวดของศาสนจักรด้วย  เราทำให้แน่ใจว่าเราเริ่มเตรียมตัวหนึ่งวันก่อนศีลระลึก  เราจะจัดเตรียมทุกอย่างในวันเสาร์  ดังนั้นเราจึงไปถึงโบสถ์ก่อนการประชุมศีลระลึกในวันอาทิตย์  เรานั่งด้วยกันเป็นครอบครัวเสมอ  เราชอบไปโบสถ์เพื่อเรียนรู้ถึงพระผู้ช่วยให้รอดและคำสอนของพระองค์ในแต่ละสัปดาห์ 

ข้าพเจ้ามีประจักษ์พยานว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา  โดยผ่านความรักที่ทรงมีต่อมวลมนุษยชาติโดยไม่คำนึงถึงพระองค์เอง พระองค์เต็มพระทัยพลีพระชนม์ชีพของพระองค์เพื่อเป็นวิถีทางให้เรากลับไปอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์  ข้าพเจ้าทราบว่าการเข้าร่วมพิธีศีลระลึกเป็นสิทธิพิเศษที่แท้จริงและเป็นพรสำหรับเราทั้งโดยส่วนตัวและในฐานะครอบครัว  ขอให้เรามุ่งมั่นที่จะมีประสบการณ์ทางวิญญาณในแต่ละสัปดาห์เมื่อเรารับส่วนศีลระลึก  ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน


อ้างอิง
1  ดู, ตัวอย่าง, โมเสส 1:39, 6:62; อับราฮัม 3:22-28.
2  มัทธิว 26:26-28.
3  หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:77, 79;          โมโรไน 4:3, 5:2.
4  ดู คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ (2007), 49; ประวัติศาสนจักร, 3:30; จากฉบับปรับปรุงแก้ไขที่ตีพิมพ์ใน Elders’ Journal, กรกฎาคม 1838, หน้า 44; โจเซฟ สมิธเป็นบรรณาธิการวารสารฉบับนี้. 
5  ดู, แอลมา 34:9-10.
6  ดู การนำเสนอดีวีดีการอบรมจากเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวกับการถือปฏิบัติวันสะบาโต, เมษายน, 2015. 
7  Ibid.
8  Ibid.