เป็นเวลาเกือบสี่สิบปีที่ข้าพเจ้าเข้าร่วมการประชุมกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายครั้งแรกซึ่งเป็นพิธีบัพติศมาที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนของข้าพเจ้าจะประกอบพิธีบัพติศมา
คืนนั้นเป็นคืนฤดูหนาว ระยะทางจากตอนกลางของฮ่องกงไปที่คัมท็องฮอลล์ต้องเดินไกลมาก ข้าพเจ้ายังจำได้ชัดเจนถึงเพดานสีขาว ผนังไม้ และการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้สอนศาสนาที่ยืนอยู่ตรงโถงทางเดิน
ข้าพเจ้าไปถึงเร็ว เพื่อนร่วมชั้นจึงพาข้าพเจ้าไปนั่งที่ชั้นใต้ดินซึ่งมีอ่างบัพติศมาอยู่ที่นั่นและกำลังมีการประชุมจัดเตรียมพิธี
ในตอนท้ายของการประชุมจัดเตรียมพิธี เอ็ลเดอร์หนุ่มคนหนึ่งผู้ดำเนินการประชุม แสดงประจักษ์พยาน เขาเป็นพยานว่า “ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นศาสนจักรที่แท้จริงเพียงแห่งเดียวบนพื้นพิภพ”
ในชั่วขณะนั้นเอง ใจข้าพเจ้ารู้สึกสงบเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามข้าพเจ้ารีบสลัดความรู้สึกแปลกๆ นั้นออกไปและแทนที่ด้วยความคิดที่ว่า “ช่างกล้าดีอย่างไรที่พูดว่าศาสนจักรของคุณเป็นศาสนจักรที่แท้จริงเพียงแห่งเดียวในเมื่อยังมีศาสนจักรอีกหลายพันแห่งอยู่ข้างนอกนั่น”
หลังจากนั้นไม่นาน ข้าพเจ้าได้รับเชิญให้มีบทสนทนากับผู้สอนศาสนา เมื่อข้าพเจ้าไปถึงอาคารประชุมหลังเล็กในคอสเบย์เวย์เพื่อรับบทสนทนากับผู้สอนศาสนาเป็นครั้งแรก ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนได้กลับบ้านถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ย่างเท้าเข้าไปในอาคารหลังนั้น
เมื่อผู้สอนศาสนานำเสนอประสบการณ์ที่ยากจะเชื่อได้ถึงการที่โจเซฟ สมิธเห็นพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยความรู้สึกสบายใจและข้าพเจ้ารู้สึกว่าเรื่องราวของโจเซฟ สมิธน่าเชื่อถือ
นับแต่นั้นเป็นต้นมาข้าพเจ้าสำนึกคุณอยู่เสมอที่จิตใจข้าพเจ้าอ่อนโยนลงขณะกำลังสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับศาสนจักรและข้าพเจ้ายอมรับความจริงของพระกิตติคุณ
จนกระทั่งหลายปีต่อมาที่ข้าพเจ้าบังเอิญพบคำแนะนำที่พระเจ้าประทานแก่ออลิเวอร์ คาวเดอรี ดังนี้
“ตามจริงแล้ว, ตามจริงแล้ว, เรากล่าวแก่เจ้า, หากเจ้าปรารถนาพยานอีก, จงหวนระลึกถึงคืนที่เจ้าร้องหาเราในใจเจ้า, เพื่อเจ้าจะได้รู้เกี่ยวกับความจริงของสิ่งเหล่านี้. เรามิได้พูดให้ความสงบแก่จิตใจเจ้าหรือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ? เจ้าจะมีพยานใดดีไปกว่าจากพระผู้เป็นเจ้าเล่า ?” (คพ. 6:22-23)
ในที่สุดข้าพเจ้าจึงตระหนักว่าความรู้สึกสงบที่ข้าพเจ้ารู้สึกครั้งแรกข้างอ่างบัพติศมา ความรู้สึกว่ากลับบ้านเมื่อข้าพเจ้ามาถึงอาคารศาสนจักร และความสบายใจที่ข้าพเจ้ารู้สึกขณะเรียนรู้เรื่องราวของโจเซฟ สมิธ ทั้งหมดนั้นล้วนมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงเป็นพยานกับข้าพเจ้าถึงความจริงแห่งพระกิตติคุณ
เราทุกคนมีสิทธิพิเศษที่จะได้รับการสัมผัสจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อเราค้นหาความจริง เราอาจจำไม่ได้ในทันที แต่เดชานุภาพของพระองค์เปลี่ยนชีวิตเราแต่ละคน
เกือบสิ้นสุดการปฏิบัติศาสนกิจในความเป็นมรรตัยของพระเจ้าและก่อนที่พระองค์จะเสด็จออกจากสวนเกทเสมนี พระเจ้ากังวลพระทัยเกี่ยวกับความพร้อมของสานุศิษย์เมื่อต้องเผชิญการทดลองที่จะมาถึง พระองค์ทรงยืนยันกับสานุศิษย์ว่า
“…เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะมองไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ พวกท่านรู้จักพระองค์เพราะพระองค์สถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ท่ามกลางท่าน เราจะไม่ละทิ้งพวกท่านไว้ให้เป็นลูกกำพร้า เราจะมาหาท่าน” (ยอห์น 14:16-18)
“แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้นจะทรงสอนพวกท่านทุกสิ่ง และจะทำให้ระลึกถึงทุกสิ่งที่เรากล่าวกับท่านแล้ว เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย” (ยอห์น 14:26-27)
“…การที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป องค์ผู้ช่วยก็จะไม่เสด็จมาหาพวกท่าน แต่ถ้าเราไปแล้ว เราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน เมื่อพระองค์เสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงทำให้โลกรู้แจ้งในเรื่องความบาป ความชอบธรรม และการพิพากษา” (ยอห์น 16:7-8)
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นสมาชิกองค์ที่สามของพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ ซึ่งแตกต่างจากพระบิดาบนสวรรค์และพระเจ้าของเรา พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงมีพระวรกายเป็นเนื้อหนังและกระดูก พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระบุคคลทางวิญญาณที่สามารถสถิตอยู่ในเรา เพื่อนำและประทานแนวทางแก่เราในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของเรา
ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์เตือนใจเราว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสามารถ:
1. ปกป้องเราจากการล่อลวงโดยการทำให้งานดี “มีแรงจูงใจมากขึ้นและการล่อลวงมีพลังชักนำน้อยลง”
2. ให้พลังความสามารถแก่เราในการแยกแยะความจริงจากความเท็จ
3. จุดประกายความคิดเราด้วยการดลใจและการเปิดเผยส่วนตัว
4. ปลอบโยนเราและประทานความเข้มแข็งให้เราอดทนต่อการทดลอง,
5. ช่วยให้เรา “เห็นผู้คนและเหตุการณ์ตามที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมองเห็น” และ
6. ชำระเราให้บริสุทธิ์เมื่อเราทำตามการกระตุ้นเตือนของพระองค์ 1
ทุกคนที่กลับใจจากบาปของตนและรับบัพติศมาจากผู้ประกอบพิธีที่ได้รับมอบอำนาจจากพระเจ้า จะได้รับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งให้สิทธิพิเศษของการได้รับความเป็นเพื่อนอันยั่งยืนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ระหว่างศาสนาพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของการยืนยัน เราได้รับคำแนะนำว่า “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์”
การรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เรียกร้องการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในส่วนของเรา ดังที่เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์แนะนำไว้ว่า เพื่อให้มีความเป็นเพื่อนอันยั่งยืนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราต้องมีความปรารถนาที่จริงใจ จากนั้นดำเนินชีวิตในวิธีที่เราจะอัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้สถิตกับเรา และในที่สุดเราต้องทำตามความรู้สึกจากพระวิญญาณบริสุทธิ์2
ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะสร้างแรงจูงใจให้เราสำรวจความคิด คำพูด และนิสัยของเราเพื่อดูว่ามีสิ่งใดที่จะทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงขุ่นเคืองหรือไม่ เวลาที่เหมาะที่สุดช่วงหนึ่งในการสำรวจตัวเราเองคือเมื่อเราเตรียมตัวรับส่วนศีลระลึกในแต่ละสัปดาห์ เมื่อเรารับส่วนศีลระลึก เราสัญญากับพระบิดาบนสวรรค์ว่า “พวก [เรา] เต็มใจรับพระนามของ [ พระเยซูคริสต์], และระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา และรักษาพระบัญญัติของพระองค์” (คพ. 20:77) ซึ่งจากนั้นจะทำให้เราคู่ควรแก่การมีพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่กับเราตลอดเวลา
นอกจากนี้เราต้องเจียดเวลาจากตารางงานที่วุ่นวายของเราเพื่อศึกษาพระคัมภีร์ สวดอ้อนวอน ครุ่นคิดและไตร่ตรอง กิจกรรมเหล่านี้จะเตรียมเราให้ได้ยินเสียงกระซิบของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ดีขึ้น ช่วยให้พระองค์ตรัสกับเราในใจและในความนึกคิดของเรา (ดู คพ. 8:2)
ขณะที่เรารู้สึกถึงการกระตุ้นเตือนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราควรปฏิบัติตามความรู้สึกนั้น การทำตามแนวทางของพระองค์จะนำเราเข้าใกล้พระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้น ประธานอายริงก์แนะนำเราดังนี้
“ท่านถือได้ว่าชั่วขณะของการดลใจเหล่านั้นเหมือนเมล็ดแห่งศรัทธาที่แอลมาพูดถึง (ดู แอลมา 32:28) จงปลูกทีละเมล็ด ท่านทำเช่นนั้นได้โดยทำตามการกระตุ้นเตือนที่ท่านรู้สึก การดลใจที่ทรงค่ามากที่สุดคือการที่ท่านจะได้รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงต้องการให้ท่านทำอะไร ถ้ารู้สึกว่า ต้องจ่ายส่วนสิบ หรือเยี่ยมเยียนเพื่อนที่กำลังโศกเศร้า ท่านก็ควรทำ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม จงทำ เมื่อท่านแสดงให้เห็น ว่าท่านเต็มใจเชื่อฟัง พระวิญญาณจะทรงส่งการกระตุ้นเตือนมาให้มากขึ้นเพื่อทำสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านทำเพื่อพระองค์”3
เอ็ลเดอร์เบดนาร์รับรองกับเราว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงพักอยู่กับเราส่วนใหญ่ หากไม่เกือบตลอดเวลา—และแน่นอนว่าพระวิญญาณสามารถสถิตอยู่กับเรามากกว่าที่จะไม่อยู่กับเรา”4
ในการแสวงหาและทำตามการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะค่อยๆ เป็นบุคคลที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงประสงค์ให้เราเป็น
ถึงแม้เราต้องมีค่าควรที่จะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อนที่ยั่งยืน แต่เราไม่ต้องดีพร้อมก่อนที่เราจะได้รับการนำทางและการปลอบโยนจากพระองค์ ความเป็นเพื่อนของพระองค์เป็นของประทานแห่งความรักจากพระบิดาบนสวรรค์ของเรา ขอให้เราทุกคนรับพระองค์ด้วยความยินดีและใจที่สำนึกคุณ
ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์ พระเยซูคือพระคริสต์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในการเดินทางกลับสู่บ้านบนสวรรค์ของเรา ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน ■
1. ดู เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อนของท่าน”, เลียโฮนา, พฤศจิกายน,2015 104-107.
เลียโฮนา2. ดู เดวิด เอ. เบดนาร์, “ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์,” เลียโฮนา, พฤศจิกายน 2010, 119.
3. ดู เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อนของท่าน”, เลียโฮนา, พฤศจิกายน 2015, 105.
เลียโฮนา4. ดู เดวิด เอ. เบดนาร์, “เพื่อเราจะมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับเราตลอดเวลา,” เลียโฮนา, พฤษภาคม 2006, 30.
เลียโฮนา