สมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายมารวมกันที่ศูนย์การประชุมใหญ่ในซอล์ทเลค ซิตี้ รวมทั้งในห้องนมัสการและบ้านเรือนทั่วโลก เพื่อมีส่วนร่วมในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 189 เมื่อวันที่ 6-7 เมษายน
ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 189 นี้ มีการแบ่งปันข่าวสาร 31 เรื่องกับวิสุทธิชนยุคสุดท้ายทั่วโลก ฝ่ายประธานสูงสุด โควรัมอัครสาวกสิบสอง และผู้นำศาสนจักรท่านอื่นๆ แบ่งปันข่าวสารในภาคการประชุมห้าภาค คำปราศรัยของพวกท่านครอบคลุมหัวข้อหลากหลาย รวมทั้งงานเผยแผ่ศาสนา การชดใช้ของพระเยซูคริสต์ และภาระรับผิดชอบส่วนตัว
ท่านสามารถดูสรุปคำปราศรัยที่เลือกสรรมาด้านล่าง สำหรับคำปราศรัยเพิ่มเติมหรือคำปราศรัยฉบับเต็ม กรุณาไปที่ conference.ChurchofJesusChrist.org คลิกที่ไอคอนเพื่ออ่าน หรือดาวน์โหลดข้อความ หรือชมวีดิทัศน์
1. เอ็ลเดอร์บรูค พี. เฮลส์ แห่งสาวกเจ็ดสิบ - คำตอบการสวดอ้อนวอน
ในด้านหนึ่งของความรักที่แท้จริงนั้นคือการที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงเข้ามาเกี่ยวข้องกับรายละเอียดในชีวิตเรา แม้ในยามที่เราไม่รู้หรือไม่เข้าใจ เราแสวงหาการนำทางและความช่วยเหลือจากพระบิดา ผ่านการสวดอ้อนวอนจากใจและจริงใจ การให้เกียรติพันธสัญญาและพยายามเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอด ทำให้เรามีสิทธิ์ได้รับการนำทางจากสวรรค์อย่างสม่ำเสมอผ่านอิทธิพลและการดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ บางครั้งความปรารถนาที่จริงใจและมีค่าที่สุดของเราไม่ได้รับคำตอบในวิธีที่เราหวัง แต่เราพบว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเก็บพรที่ดีกว่าไว้ให้เรา และบางครั้งความปรารถนาอันชอบธรรมของเราก็ไม่ได้รับในชีวิตนี้ เรามั่นใจได้ว่าในวิธีและเวลาของพระองค์เอง พระบิดาบนสวรรค์จะทรงอวยพรเราและแก้ไขข้อกังวล ความอยุติธรรมและความผิดหวังที่เราได้รับทั้งหมด
2. ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์ ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานสูงสุด – การกลับใจทำให้สะอาด
ความแตกต่างที่ข้าพเจ้าพบระหว่างกฎของมนุษย์กับกฎของพระผู้เป็นเจ้าเพิ่มความชื่นชมของข้าพเจ้าเรื่องความเป็นจริงและพลังอำนาจการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ภายใต้กฎของมนุษย์ คนทำผิดกฎหมายร้ายแรงที่สุดจะถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีทัณฑ์บน แต่แตกต่างกันภายใต้แผนอันเมตตาของพระบิดาบนสวรรค์ ข้าพเจ้าเคยเห็นมาว่าบาปร้ายแรงเดียวกันนี้สามารถได้รับการให้อภัยในความเป็นมรรตัยเพราะการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดให้กับบาปของ “คนทั้งปวงผู้มีใจชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด” (2 นีไฟ 2:7) พระคริสต์ทรงไถ่ และการชดใช้ของพระองค์เป็นความจริง การกลับใจเริ่มกับพระผู้ช่วยให้รอด และนั่นเป็นปีติ ไม่ใช่ภาระ ประธานเนลสันสอนว่า “การกลับใจที่แท้จริงไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่เป็นสิทธิพิเศษที่ไม่มีวันสิ้นสุด เป็น พื้นฐาน ของความก้าวหน้าและการมีใจสงบ ความสบายใจ และปีติ”
3. เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์ แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง – จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า
นอกจากการหาเวลาให้การสอนพระกิตติคุณที่มีบ้านเป็นศูนย์กลางมากขึ้นแล้ว การนมัสการวันอาทิตย์ที่ปรับใหม่ก็เพื่อลดความซับซ้อนของตารางการประชุมในวิธีที่เน้นย้ำว่าศีลระลึกแห่งพระกระยาหารของพระเจ้าเป็นศูนย์รวมที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่ยอมรับของประสบการณ์นมัสการประจำสัปดาห์ของเราเช่นกัน เราต้องระลึกถึงในวิธีที่เป็นส่วนตัวมากที่สุดว่าพระคริสต์สิ้นพระชนม์จากพระทัยที่แตกสลายอันเกิดจากการแบกรับบาปและโทมนัสของครอบครัวมนุษย์ทั้งปวงแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากเรามีส่วนรับผิดชอบต่อภาระอันถึงแก่ความตายนั้น เราจึงต้องเคารพช่วงเวลาเช่นนั้น ฉะนั้น เราได้รับการกระตุ้นให้มานมัสการก่อนเวลาและมาด้วยความคารวะ แต่งกายสุภาพเรียบร้อย เหมาะสำหรับการมีส่วนร่วมในศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ ระลึกถึงพระองค์ผู้ทรงทูลขอให้เลื่อนถ้วยที่พระองค์กำลังจะดื่ม แต่ก็ทรงทำต่อไปเพราะพระองค์ทรงทราบว่าเพื่อความรอด ของเรา จึง ไม่ อาจเลื่อนได้ วิธีหนึ่งที่จะ “ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา” (โมโรไน 4:3; 5:2) คือการเข้าร่วมกับพระผู้ทรงเป็นแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ในภารกิจอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์ในการยกภาระจากคนที่แบกรับภาระและบรรเทาทุกข์ความเจ็บปวดของคนที่ใจกระวนกระวาย
4. ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน – “มาติดตามเรา”
พระเยซูคริสต์ทรงเชื้อเชิญให้เราใช้เส้นทางพันธสัญญากลับบ้านไปหาพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์และอยู่กับคนที่เรารัก พระองค์เข้าพระทัยแผนแห่งความก้าวหน้านิรันดร์ของพระบิดาบนสวรรค์ดีกว่าเราทุกคน พระองค์ทรงเป็นแกนหลักของแผนนั้นทั้งหมด พระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ พระผู้เยียวยา และพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระคัมภีร์บันทึกซ้ำหลายครั้งว่าแม้มีบาปทุกประเภทจากคนทุกประเภท แต่พระพาหุของพระองค์ยังคงเหยียดออกไป (3 นีไฟ 9:14) พระผู้ช่วยให้รอดทรงเชื้อเชิญให้ทุกคนตามพระองค์ลงไปในน้ำบัพติศมาและทำพันธสัญญาเพิ่มเติมกับพระผู้เป็นเจ้าในพระวิหาร ตลอดจนรับและซื่อสัตย์ต่อศาสนพิธีที่จำเป็นเหล่านั้น เราต้องทำทั้งหมดนี้ถ้าต้องการได้รับความสูงส่งกับครอบครัวเราและพระผู้เป็นเจ้าตลอดกาล “ถ้าท่านไม่แน่ใจว่าท่านเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า ให้เริ่มตรงจุดนั้น ขอให้เข้าใจว่าเมื่อไม่มีประสบการณ์กับพระผู้เป็นเจ้าเราจะสงสัยการดำรงอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้น จงวางตัวท่านไว้ในจุดที่จะเริ่มมีประสบการณ์กับพระองค์ จงอ่อนน้อมถ่อมตน สวดอ้อนวอนขอให้มีดวงตามองเห็นพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตท่านและในโลกรอบข้าง ทูลขอให้ทรงบอกท่านว่าพระองค์อยู่ที่นั่นจริงหรือ—พระองค์ทรงรู้จักท่านหรือไม่ พระองค์ทรงรู้สึกต่อท่านอย่างไร แล้วฟัง”
5. เอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู. กอง แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง - พระเมษบาลผู้ประเสริฐ พระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า
ในฐานะพระเมษบาลผู้ประเสริฐ พระเยซูคริสต์ทรงเรียกเราด้วยสุรเสียงและพระนามของพระองค์ ทรงเสาะหาและรวบรวมเรา ทรงสอนเราถึงวิธีปฏิบัติศาสนกิจด้วยความรัก เมื่อเราหมายมั่นติดตามพระเยซูคริสต์ด้วยเจตนาแท้จริง เราจะได้รับการดลใจให้ทำดี รักพระผู้เป็นเจ้า และรับใช้พระองค์ (โมโรไน 7:13) เมื่อเราศึกษา ไตร่ตรอง และสวดอ้อนวอน เมื่อเราต่อพันธสัญญาศีลระลึกและพระวิหารเป็นประจำ และเมื่อเราเชื้อเชิญให้คนทั้งปวงมาหาพระกิตติคุณและศาสนพิธี เรากำลังสดับฟังสุรเสียงของพระองค์ บ่อยครั้งพระผู้ช่วยให้รอดทรงเสาะหาหนึ่งตัวและเก้าสิบเก้าตัวไปพร้อมๆ กัน เมื่อเราปฏิบัติศาสนกิจ เรารับรู้ว่ามีเก้าสิบเก้าคนที่แน่วแน่และไม่หวั่นไหว แม้จะอยากให้หนึ่งคนที่พลัดหลงกลับมา พระผู้ช่วยให้รอดทรงทราบเมื่อเรารู้สึกโดดเดี่ยว ด้อยค่า ไม่แน่ใจ หรือกลัว ในนิมิต นีไฟเห็นเดชานุภาพของพระเมษโปดกของพระผู้เป็นเจ้า “ลงมาบนวิสุทธิชนของศาสนจักรของพระเมษโปดก, และบนผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า” ถึงแม้ “กระจัดกระจายอยู่บนทั่วพื้นพิภพ” (1 นีไฟ 14:14) สัญญาแห่งความหวังและความอบอุ่นใจนี้รวมถึงสมัยของเราด้วย
6. เอ็ลเดอร์เดวิด พี. โฮเมอร์ แห่งสาวกเจ็ดสิบ – ได้ยินสุรเสียงของพระองค์
เพราะพระบิดาบนสวรรค์ทรงประสงค์ให้เราดีขึ้น พระองค์ทรงทำให้เราสามารถได้ยินสุรเสียงของพระองค์ เราจะพบสุรเสียงของพระบิดาในหลายที่ เราจะพบเมื่อเราสวดอ้อนวอน ศึกษาพระคัมภีร์ มาโบสถ์ มีส่วนร่วมในการสนทนาที่เปี่ยมด้วยศรัทธาหรือไปพระวิหาร ส่วนใหญ่ เราได้ยินพระองค์ผ่านการกระตุ้นเตือนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นสมาชิกองค์ที่สามในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพยานถึงพระบิดาและพระบุตร (2 นีไฟ 31:18) ส่งมาเพื่อทรง “สอน [เรา] ทุกสิ่ง” (ยอห์น 14:26) และจะ “แสดงแก่ [เรา] ถึงสิ่งทั้งปวงที่ [เรา] ควรทำ” (2 นีไฟ 32:5) พระวิญญาณตรัสกับผู้คน ต่างคนต่างวิธี และพระองค์อาจตรัสกับคนเดิม ต่างเวลาต่างวิธี ส่งผลให้เราต้องเรียนรู้วิธีต่างๆ ที่พระองค์ตรัสกับเราไปตลอดชีวิต บางครั้ง พระองค์ตรัสใน “ความนึกคิดและในใจ [เรา]” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 8:2) ด้วยสุรเสียงที่เบาแต่ทรงพลัง เสียดแทง “คนที่ … ได้ยินจนถึงกลางใจ” (3 นีไฟ 11:3) บางครั้ง การกระตุ้นเตือนจากพระองค์ “ครอบงำจิตใจ [เรา]” หรือ “กระทบ … ความรู้สึก [เรา] (หลักคำสอนและพันธสัญญา 128:1) บางครั้ง ทรวงอกของเราจะ “เผาไหม้อยู่ภายใน [เรา]” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 9:8) บางครั้ง พระองค์ทรงเติมเต็มจิตวิญญาณเราด้วยปีติ จุดประกายความคิดเรา (หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:14–15; 11:13) หรือพูดให้ความสงบแก่ใจที่เป็นทุกข์ของเรา (หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:22–23) พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาว่าถ้าเรา “ฟังกฎเกณฑ์ของ [พระองค์], และเงี่ยหูฟังคำแนะนำของ [พระองค์]” พระองค์[ตรัสว่า] “เราจะให้อีก” (2 นีไฟ 28:30)