เรื่องเด่นของการประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2020

2020 April General Conference Highlights

สมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายรวมตัวกันทั่วโลกทางออนไลน์เพื่อรับชมการถ่ายทอดสดการประชุมใหญ่สามัญกึ่งปีครั้งที่ 190 อันเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 3-4 ตุลาคม

ระหว่างการประชุมใหญ่มีข่าวสาร 34 เรื่องแบ่งปันให้กับวิสุทธิชนยุคสุดท้ายและคนอื่นๆ ทั่วโลก  ฝ่ายประธานสูงสุด โควรัมอัครสาวกสิบสอง และผู้นำศาสนจักรท่านอื่นแบ่งปันข่าวสารระหว่างการประชุมห้าภาค  ข่าวสารหลักของพวกท่านกระตุ้นเราให้มุ่งเน้นชีวิตเราไปที่พระผู้ช่วยให้รอดของเราพระเยซูคริสต์ การให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัยในชีวิตเรา การมุ่งเน้นคำสัญญาของพระคริสต์ต่อผู้ซื่อสัตย์ การมี “ตามองเห็น” พระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตเรา รับรู้อัตลักษณ์อันสูงส่งของตน และมองเห็นความต้องการของบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้ารอบตัวเราเฉกเช่นพระคริสต์จะทรงมองเห็น การพัฒนาคุณลักษณะอันสูงส่งของพระคริสต์ การหาปีติในการรับใช้เมื่อเราเป็นตัวแทนของพระผู้ช่วยให้รอดขณะปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้อื่น และการชื่นชมยินดีในวัฒนธรรมของพระคริสต์อันเนื่องจากศรัทธาในพระคริสต์และการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์

เชิญอ่านสรุปคำพูดอ้างอิงโดยตรงจากคำปราศรัยที่เลือกไว้ด้านล่าง  ส่วนคำปราศรัยอื่นหรือคำปราศรัยทั้งเรื่องเชิญเข้าไปที่ churchofjesuschrist.org/general-conference  คลิกบนชื่อเรื่องเพื่ออ่านหรือดาวน์โหลดเนื้อความหรือรับชมวีดิทัศน์

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน
1. ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

 

ให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัย

เมื่อท่านเลือกให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัยในชีวิตท่าน ท่านจะประสบด้วยตนเองว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงเป็น “พระผู้เป็นเจ้าแห่งปาฏิหาริย์” … ความหมายหนึ่งตามภาษาฮีบรูของคำว่า อิสราเอล คือ “ให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัย”  ด้วยเหตุนี้ชื่อ อิสราเอล จึงหมายถึงคนที่ เต็มใจ ให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัยในชีวิตตน พระเจ้าทรงกำลังรวบรวมคนที่จะเลือกให้พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นอิทธิพลสำคัญที่สุดในชีวิตพวกเขา  พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงรักเชื้อชาติหนึ่งมากกว่าอีกเชื้อชาติหนึ่ง  หลักคำสอนของพระองค์ในเรื่องนี้ชัดเจน  พระองค์ทรงเชื้อเชิญให้ ทุกคน มาหาพระองค์ “ดำและขาว ทาสและไท ชายและหญิง”  การที่พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดปรานหรือไม่โปรดปรานนั้นขึ้นอยู่กับการอุทิศตนของท่านต่อพระผู้เป็นเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์ ไม่ใช่สีผิวของท่าน  วันนี้ข้าพเจ้าขอให้สมาชิกของเราทุกแห่งออกมานำในการทิ้งเจตคติและการกระทำที่เป็นอคติ  ข้าพเจ้าวิงวอนให้ท่านส่งเสริมความเคารพต่อบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า  คำถามสำหรับเราแต่ละคนเหมือนกันคือ ท่าน  เต็มใจให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีชัยในชีวิตท่านหรือไม่?ท่าน เต็มใจให้พระผู้เป็นเจ้าเป็นอิทธิพลสำคัญที่สุดในชีวิตท่านหรือไม่? ขณะท่านศึกษาพระคัมภีร์หกเดือนต่อจากนี้ ข้าพเจ้าขอให้ท่านเขียนรายการทุกอย่างที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่าจะทำเพื่ออิสราเอลในพันธสัญญา จง ไตร่ตรองสัญญาเหล่านี้ จากนั้นดำเนินชีวิตและคอยดูสัญญาเหล่านี้เกิดสัมฤทธิผลในชีวิต

ซิสเตอร์มิเชลล์ ดี. เครก
2. ซิสเตอร์มิเชลล์ ดี. เครก ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานเยาวชนหญิง

ตาที่จะมองเห็น

“เอลีชาก็อธิษฐาน … ข้าแต่พระยาห์เวห์ขอทรงเปิดตาของเขาเพื่อเขาจะได้เห็น และพระยาห์เวห์ทรงเปิดตาของชายหนุ่มคนนั้น และเขาก็มองและเห็นภูเขาเต็มไปด้วยม้า และรถรบเพลิงรอบเอลีชา” เช่นเดียวกับผู้รับใช้คนนั้น อาจมีบางครั้งที่ท่านพบตนเองประสบปัญหาในการเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงกำลังทำงานในชีวิตท่านอย่างไร—เวลาที่ท่านรู้สึกถูกล้อมโจมตี—เมื่อการทดลองในชีวิตมรรตัยทำให้ท่านทรุดลงคุกเข่า  จงเฝ้ารอและวางใจในพระผู้เป็นเจ้าและในจังหวะเวลาของพระองค์ แต่มีบทเรียนที่สองในเรื่องนี้ จงสวดอ้อนวอนให้พระเจ้าทรงเปิดตาท่านเพื่อจะเห็นสิ่งต่างๆ ที่ปกติท่านจะมองไม่เห็น  เห็นชัดเจนว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นใครและจริงๆ แล้วเราเป็นใคร—เราเป็นบุตรธิดาของพระบิดามารดาบนสวรรค์ที่ “มีธรรมชาติแห่งสวรรค์และมีจุดหมายนิรันดร์”  เห็นผู้อื่นเหมือนที่พระองค์ทรงเห็น  พระองค์ทรงเห็นแต่ละบุคคล ความต้องการของพวกเขา และคนที่พวกเขาจะเป็นได้ แม้ในชีวิตที่วุ่นวายของเรา เราสามารถทำตามแบบอย่างของพระเยซูและเห็นแต่ละบุคคล—ทั้งความต้องการ ศรัทธา และปัญหาของพวกเขา ตลอดจนคนที่พวกเขาสามารถเป็นได้ จากนั้น ลงมือทำ โดยให้ความรัก รับใช้และยืนยันคุณค่าและศักยภาพของพวกเขาตามการกระตุ้นเตือน  เมื่อสิ่งนี้กลายเป็นรูปแบบชีวิตเรา เราจะพบตนเองกลายเป็น “ผู้ติดตามที่แท้จริงของ … พระเยซูคริสต์”

 

บราเดอร์สตีเวน เจ. ลันด์
3. บราเดอร์สตีเวน เจ. ลันด์ ประธานเยาวชนชายสามัญ

ค้นพบปีติในพระคริสต์

แทนเนอร์ คริสเตียน ลันด์บุตรชายคนเล็กของเราเป็นมะเร็ง ไม่นานก่อนสิ้นใจ โรคร้ายของแทนเนอร์รุกรานกระดูกของเขา แม้จะใช้ยาแก้ปวดอย่างแรงแล้วก็ตาม เขาก็ยังเจ็บปวดมาก เขาแทบจะลุกจากเตียงไม่ได้เลย  เช้าวันอาทิตย์หนึ่ง คอลลีนแม่ของเขา … ประหลาดใจที่เห็นเขาแต่งตัวแล้วและนั่งอยู่ที่ปลายเตียง พยายามติดกระดุมเสื้อด้วยความเจ็บปวด  คอลลีนนั่งลงข้างๆ “แทนเนอร์” เธอกล่าว “ลูกแน่ใจหรือว่าแข็งแรงพอที่จะไปโบสถ์?”  เขาจ้องมองที่พื้น เขาเป็นมัคนายก เขามีโควรัม และเขามีงานมอบหมาย “ผมมีหน้าที่ส่งผ่านศีลระลึกวันนี้” “แม่แน่ใจว่าจะมีคนทำแทนลูกได้” “ครับ” เขากล่าว “แต่ … ผมเห็นว่าคนมองผมอย่างไรเมื่อผมส่งผ่านศีลระลึก ผมคิดว่ามันช่วยพวกเขา เมื่อมัคนายกก้าวไปที่โต๊ะศีลระลึก เขาเอนตัวพิงมัคนายกอีกคนเบาๆ ขณะปุโรหิตส่งถาดขนมปังให้  แทนเทอร์เดินลากเท้าไปยังบริเวณที่ได้รับมอบหมายและจับปลายพนักพิงเพื่อพยุงตัวขณะส่งผ่านศีลระลึก  ดูเหมือนว่าทุกสายตาในห้องนมัสการจับอยู่ที่เขา สะเทือนใจกับความลำบากขณะเขาทำส่วนเรียบง่ายของตนเอง  ด้วยเหตุใดก็ตาม แทนเนอร์ได้เทศนาอย่างเงียบๆ ขณะเดินกระย่องกระแย่งผ่านไปทีละแถวด้วยความเคารพ—ศีรษะล้านของเขาชุ่มเหงื่อ—เป็นตัวแทนพระผู้ช่วยให้รอดในวิธีที่มัคนายกทำ  ร่างกายมัคนายกที่เคยทรหดของเขานั้นฟกช้ำ แตกหัก และฉีกขาดเล็กน้อย แต่เต็มใจทนทรมานเพื่อรับใช้โดยส่งผ่านเครื่องหมายการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดมาสู่ชีวิตเรา การเห็นว่าเขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับการเป็นมัคนายกทำให้เราเปลี่ยนความคิดไปด้วย—เกี่ยวกับศีลระลึก เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด และเกี่ยวกับมัคนายก ผู้สอน และปุโรหิต … เมื่อมัคนายกถือเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์นั้นมาให้เรา โดยยืนอยู่ในที่ซึ่งพระเยซูจะทรงยืนหากพระองค์ประทับอยู่ที่นั่น เสนอที่จะยกภาระและความเจ็บปวดของเราไป และวิธีแน่นอนที่สุดในการพบปีติในชีวิตนี้คือเข้าร่วมกับพระคริสต์ในการช่วยเหลือผู้อื่น

 

เอ็ลเดอร์วิลเลียม แจ็คสัน
4. เอ็ลเดอร์วิลเลียม แจ็คสัน แห่งสาวกเจ็ดสิบ

วัฒนธรรมของพระคริสต์

เราอยู่ร่วมกันในโลกที่ช่างล้ำเลิศ อันเป็นที่อยู่ของผู้คน ภาษา ประเพณี และประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย  ถึงแม้พฤติกรรมจากการเรียนรู้—สิ่งที่เรารับรู้จากวัฒนธรรมที่เราเติบโตมา—จะเป็นพลังสำคัญยิ่งในชีวิต แต่บางครั้งก็สามารถเป็นอุปสรรคสำคัญได้ด้วย  การยึดติดมากเกินไปกับอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมอาจนำไปสู่การปฏิเสธแนวคิด คุณลักษณะ และพฤติกรรมที่มีคุณค่าหรือแม้แต่เคร่งศีลธรรม  ปัญหาของโลกเราหลายประการเป็นผลโดยตรงมาจากความขัดแย้งระหว่างคนจากแนวคิดและประเพณีที่แตกต่างกันซึ่งเกิดจากวัฒนธรรมของคนเหล่านั้น แต่โดยแท้แล้ว ความขัดแย้งและความสับสนวุ่นวาย ทั้งมวล  จะจางหายไปอย่างรวดเร็วหากโลกเพียงแต่ยอมรับ … วัฒนธรรมที่สถาปนาบนพื้นฐานคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอด มีเอกลักษณะเฉพาะตัว สร้างความสามัคคีมิใช้แบ่งแยก เยียวยามิใช่ทำร้าย  เรามีหน้าที่และรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อกันและกัน ต่อศาสนจักร และต่อโลกของเรา  จิตกุศล การเอาใจใส่แบบพระคริสต์ที่แท้จริง เป็นพื้นฐานสำคัญของวัฒนธรรมนี้  นี่คือวัฒนธรรมของการเรียนรู้และการศึกษา ศรัทธาและการเชื่อฟัง  สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการควบคุมตนเอง  นี่คือวัฒนธรรมแห่งการสวดอ้อนวอน … พันธสัญญาและศาสนพิธี มาตรฐานทางศีลธรรมสูงส่ง การเสียสละ การให้อภัย และการกลับใจ และการดูแลวิหารแห่งร่างกายเรา นี่คือวัฒนธรรมที่ปกครองโดยฐานะปุโรหิต … วัฒนธรรมนี้จรรโลงใจและทำให้แต่ละคนเป็นคน ผู้นำ มารดา บิดา และคู่ครองที่ดีขึ้น—และชำระบ้านให้บริสุทธิ์  อันที่จริง เราทุกคนสามารถชื่นชมส่วนที่ดีที่สุดของวัฒนธรรมทางโลกของเราแต่ละคน และยังคงมีส่วนเต็มที่ในวัฒนธรรมที่เก่าแก่ที่สุด—วัฒนธรรมพื้นฐานดั้งเดิมที่เป็นนิรันดร์อันมาจากพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

 

ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์
5. ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์ ที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานสูงสุด

รักศัตรูของท่าน

ต่อไปนี้เป็นคำสอนหนึ่งของพระผู้ช่วยให้รอดที่รู้จักกันดีแต่ไม่ค่อยมีใครนำมาปฏิบัติ: “ท่าน‍ทั้ง‍หลายได้‍ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า จงรักเพื่อนบ้านของท่าน และเกลียด‍ชังศัตรูของท่าน แต่เราบอกพวก‍ท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน [อวยพรคนที่แช่งด่าท่าน ทำดีต่อคนที่เกลียดชังท่าน] และจงอธิษ‌ฐานเพื่อบรร‌ดาคนที่ [หลอกใช้ท่านด้วยเจตนาร้ายและ] ข่ม‍เหงพวก‍ท่าน” (มัทธิว 5:43–44)  ช่างเป็นคำสอนที่ออกแนวปฏิวัติสำหรับความสัมพันธ์ในทางส่วนตัวและทางการเมือง! แต่นั่นยังคงเป็นสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงบัญชา  ในพระคัมภีร์มอรมอนเราอ่านว่า “เพราะตามจริงแล้ว, ตามจริงแล้วเรากล่าวแก่เจ้า, คนที่มีวิญญาณของความขัดแย้งย่อมไม่เป็นของเรา, แต่เป็นของมาร, ผู้เป็นบิดาแห่งความขัดแย้ง, และเขายั่วยุใจมนุษย์ให้ขัดแย้งด้วยความโกรธ, ต่อกัน” (3 นีไฟ 11:29) … ในฐานะผู้ติดตามพระคริสต์เราต้องเลิกใช้ความโกรธความเกลียดในการถกเถียงหรือประณามตัวเลือกทางการเมืองในสถานการณ์ต่างๆ จะช่วยได้เช่นกันถ้าเรายอมเรียนรู้จาก [ศัตรูของเรา] … เราควรพยายามทำความรู้จักพวกเขา ในสภาวการณ์นับไม่ถ้วน การระแวงคนแปลกหน้าหรือแม้แต่ความเป็นศัตรูเปิดทางให้มิตรภาพหรือแม้แต่ความรักเมื่อการติดต่อส่วนตัวสร้างความเข้าใจและความเคารพกัน  ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธสอนว่า “มีภาษิตเก่าแก่สอนว่าความรักก่อให้เกิดความรัก ขอให้เราทุ่มเทความรักออกมา—แสดงความเมตตาของเราต่อมวลมนุษย์” และประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน และประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันขอให้เรา “ขยายวงความรักให้ครอบคลุมครอบครัวมนุษย์ทั้งหมด”