การประชุมสภาวอร์ดและการประชุมศีลระลึก

การประชุมสภาวอร์ดและการประชุมศีลระลึก

สภาวอร์ด

พระเจ้าทรงมีพระเมตตาอันไม่มีขอบเขตให้แก่บุตรธิดาของพระองค์จึงได้ทรงจัดหาหนทางต่างๆ อยู่เสมอเพื่อช่วยนำพวกเขาไปสู่ความสูงส่งและชีวิตนิรันดร์ ความช่วยเหลืออย่างหนึ่งมาในรูปแบบของสภา ในพระดำรัสกับเอโนค พระเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด, เราคือพระผู้เป็นเจ้า; มหาบุรุษแห่งความบริสุทธิ์คือนามของเรา; มหาบุรุษแห่งคำปรึกษาคือนามของเรา; และอนันตและนิรันดร์คือนามของเรา, เช่นเดียวกัน.”1 พระเจ้าทรงวางแบบแผนสำหรับสภาเมื่อพระองค์ทรงเชื้อเชิญให้บุตรธิดาทั้งปวงของพระองค์มาสู่สภาอันยิ่งใหญ่และสำคัญมากในสวรรค์2 เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของสภานั้นและเลือกรักษาสถานะแรกของเรา ปัจจุบันศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายปกครองโดยของประทานแห่งสภาที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ ศาสนจักรได้รับการจัดตั้งในสภานับจากฝ่ายประธานสูงสุดไปจนถึงวอร์ด โควรัม องค์การช่วย และครอบครัว3

ประธานสตีเฟน แอล. ริชาร์ดส์กล่าวว่า “ลักษณะอันเป็นเลิศของการปกครองศาสนจักรของเราคือการปกครองผ่านสภา ข้าพเจ้ามีประสบการณ์มากพอที่จะรู้คุณค่าของสภา แทบจะไม่มีวันใดที่ข้าพเจ้าไม่เห็น … พระปรีชาญาณของพระผู้เป็นเจ้าในการสร้างสภา … เพื่อปกครองอาณาจักรของพระองค์ … ข้าพเจ้าไม่ลังเลที่จะยืนยันกับท่านว่าถ้าท่านจะพูดคุยในสภาอย่างที่ท่านได้รับการคาดหวังว่าจะต้องทำ พระผู้เป็นเจ้าจะประทานวิธีแก้ไขปัญหาที่ท่านเผชิญอยู่” (ใน Conference Report, Oct. 1953, p. 86)

สภาวอร์ดทำงานบนหลักธรรมแห่งความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวและความเคารพที่มีให้สมาชิกทุกคนของสภา พวกเขาต้องตระหนักว่าพวกเขาไม่เพียงเป็นตัวแทนองค์การของพวกเขาเท่านั้นแต่เป็นสมาชิกสภาคนหนึ่งด้วย เพื่อช่วยผู้นำพูดถึงข้อกังวลในวอร์ดและหาทางแก้ไข วัตถุประสงค์ของสภาคือเพื่อช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้บุคคลและครอบครัว

สมาชิกสตรีในสภามีบทบาทสำคัญมาก ไม่เพียงความรับผิดชอบกับองค์การช่วยของพวกเธอเท่านั้นแต่กับความคิดเห็นที่พวกเธอมีต่อองค์การอื่นๆ ด้วย รวมทั้งการช่วยอธิการหาทางแก้ปัญหา ความคิดเห็นของพวกเธอเพิ่มมุมมองที่จำเป็นต่อความเข้าใจและการตอบรับความต้องการของสมาชิก4

เอ็ลเดอร์บัลลาร์ดเล่าประสบการณ์นี้ว่า “ในการประชุมครั้งล่าสุดกับฝ่ายประธานขององค์การช่วยสตรี พี่น้องสตรีบอกข้าพเจ้าว่ามีสตรีในศาสนจักรไม่กี่คนพูดว่าสนใจต้องการดำรงฐานะปุโรหิต แต่พวกเธอต้องการให้มีผู้รับฟังและเห็นคุณค่า อีกทั้งต้องการเอื้อประโยชน์ที่มีความหมายต่อสเตคหรือวอร์ดตลอดจนสมาชิกของศาสนจักรซึ่งจะรับใช้พระเจ้าและช่วยทำให้พันธกิจของศาสนจักรเกิดผลสำเร็จ ตัวอย่างเช่น เมื่อไม่นานมานี้เรากำลังพูดถึงความมีค่าควรของเยาวชนในการรับใช้งานเผยแผ่ ประธานอีเลน แจ๊คกล่าวว่า “เอ็ลเดอร์บัลลาร์ดคะ ท่านทราบไหมว่าพี่น้องสตรีของศาสนจักรอาจมีคำแนะนำดีๆ บางอย่างถึงวิธีเตรียมเยาวชนให้ดีขึ้นสำหรับงานเผยแผ่ถ้าท่านจะถามเรา อย่างไรก็ตาม ท่านทราบว่าเพราะเรา เป็น แม่ของพวกเขา!’ คำแนะนำของพี่น้องสตรีสามารถช่วยได้อย่างเท่าเทียมกันในเรื่องการเข้าพระวิหารและเรื่องอื่นๆ ที่ผู้นำฐานะปุโรหิตอาจมีความยุ่งยากใจ พี่น้องชายทั้งหลาย โปรดแน่ใจว่าท่านกำลังแสวงหาความคิดเห็นอันสำคัญยิ่งของพี่น้องสตรีในการประชุมสภาของท่าน” 5

อีกด้านหนึ่งของสภาคือเพื่อเข้าใจ ช่วยเหลือและสนับสนุนผู้นำที่ทำหน้าที่ควบคุม สมาชิกสภาได้รับการกระตุ้นให้พูด แสดงความคิดเห็นและทัศนะของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา สิ่งเหล่านี้อาจแตกต่างจากคนอื่นๆ และผู้นำที่ฉลาดจะยอมให้พระวิญญาณทำงานผ่านพวกเขาจนสมาชิกทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันซึ่งด้วยวิธีนี้สภาจึงทำการตัดสินใจตามแบบแผนที่พระเจ้าทรงเปิดเผย พระเจ้าตรัสว่า “คำตัดสินของโควรัมเหล่านี้, หรือโควรัมใดก็ตามในโควรัมเหล่านี้, ต้องกระทำในความชอบธรรมทั้งมวล, ในความบริสุทธิ์, และความนอบน้อมแห่งใจ, ความอ่อนโยนและความอดกลั้น, และในศรัทธา, และคุณธรรม, และความรู้, ความยับยั้งตน, ความอดทน, ความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า, ความกรุณาฉันพี่น้องและจิตกุศล.”6 หลังจากพิจารณาความคิดเห็นและคำแนะนำจากผู้นำอย่างรอบคอบ ผู้มีอำนาจควบคุมอาจตัดสินใจทำสิ่งที่เราไม่ได้พูดถึง เมื่อสถานการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นเราต้องสนับสนุนการตัดสินใจของผู้นำในทันทีด้วยวิญญาณของความสมัครสมานสามัคคี

การประชุมศีลระลึก

พระผู้ช่วยให้รอดทรงแนะนำศีลระลึกระหว่างพระกระยาหารมื้อสุดท้าย โดยที่ทรงทราบว่าวาระสุดท้ายของพระองค์ใกล้เข้ามา พระองค์ทรงเชิญอัครสาวกมารับประทานอาหารกับพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย พระองค์ทรงใช้โอกาสนั้นอวยพรและทรงหักขนมปังและตรัสว่า “นี่เป็นกายของเรา ซึ่งให้ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย จงทำอย่างนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา”7 จากนั้นพระองค์ทรงหยิบถ้วย ทรงขอบพระคุณและทรงส่งให้ผู้ที่มาร่วมชุมนุมกันโดยตรัสว่า “ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่โดยโลหิตของเรา”8 … “ที่หลั่งออก… เพื่อยกบาปโทษ”9 ด้วยวิธีนี้พระผู้ช่วยให้รอดทรงสถาปนาศีลระลึก

เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จเยี่ยมชาวนีไฟในทวีปอเมริกา พระองค์ทรงสถาปนาศีลระลึก พระองค์ทรงบัญชาให้สานุศิษย์ไปนำขนมปังและเหล้าองุ่นมา “และเมื่อสานุศิษย์กลับมาด้วยขนมปังและเหล้าองุ่น, พระองค์ทรงหยิบขนมปังมาหักและทรงอวยพร; และพระองค์ประทานให้สานุศิษย์และทรงสั่งให้พวกท่านกิน.” 10 จากนั้นพระองค์ทรงสั่งให้พวกเขานำไปให้แก่ฝูงชน หลังจากฝูงชนกิน พระองค์ทรงมองไปที่สานุศิษย์ของพระองค์และตรัสว่า “และสิ่งนี้เจ้าจงทำในความระลึกถึงกายของเรา, ซึ่งเราแสดงให้เจ้าเห็น. และมันจะเป็นประจักษ์พยานต่อพระบิดาว่าเจ้าระลึกถึงเราตลอดเวลา. และหากเจ้าระลึกถึงเราตลอดเวลาเจ้าจะมีพระวิญญาณของเราอยู่กับเจ้า.”11 พระองค์ทรงบัญชาคล้ายๆ กันกับสานุศิษย์ของพระองค์ให้รับถ้วยเหล้าองุ่นและดื่ม และนำไปให้ฝูงชนเช่นกัน พระองค์ตรัสว่า “…เจ้าจงทำด้วยความระลึกถึงโลหิตของเรา, ซึ่งเราหลั่งเพื่อเจ้าจะเป็นพยานต่อพระบิดาว่าเจ้าระลึกถึงเราตลอดเวลา. และหากเจ้าระลึกถึงเราตลอดเวลาเจ้าจะมีพระวิญญาณของเราอยู่กับเจ้า”12

การประชุมศีลระลึกควรเป็นประสบการณ์ทางวิญญาณให้เรา ขณะที่เรารับส่วนศีลระลึกเราระลึกถึงพระวรกายและพระโลหิตของพระบุตร เราเป็นพยานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าเราเต็มใจรับพระนามของพระบุตรของพระองค์และระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา เรารับปากด้วยว่าเราจะรักษาพระบัญญัติของพระองค์ การประชุมศีลระลึกควรสร้างแรงบันดาลใจให้เราระลึกถึงพระองค์ รักษาพระบัญญัติของพระองค์เพื่อเราจะสามารถมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับเราตลอดเวลา 13

ผู้นำของศาสนจักรขอให้เราถือปฏิบัติวันสะบาโตที่โบสถ์และที่บ้านให้ดีขึ้น เอ็ลเดอรวิทย์นีย์ แอล. เคลย์ตัน แห่งฝ่ายประธานโควรัมสาวกเจ็ดสิบกล่าวว่า “วิธีหนึ่งในการให้ความสำคัญของการถือปฏิบัติวันสะบาโตที่โบสถ์ให้ดีขึ้นคือการขอให้ฝ่ายอธิการ ซึ่งรับผิดชอบต่อการวางแผนการประชุมศีลระลึก ให้ปรึกษากับสภาวอร์ดเกี่ยวกับแผนซึ่งนำเสนอเกี่ยวกับการประชุมศีลระลึกในอนาคต”14 ของประทานแห่งสภาที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้นี้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อรับรองว่าการประชุมที่สำคัญที่สุดของการนมัสการในวันสะบาโตของเราจะเปิดโอกาสที่ดีที่สุดให้สมาชิกทุกคนระลึกถึงการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดและเพื่อรับส่วนเครื่องหมายของพระวรกายและพระโลหิตของพระองค์ ให้เวลาเราไตร่ตรองชีวิตของเราเองและปรารถนาจะเปลี่ยนแปลง ช่วยให้เยาวชนชายของฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนใช้ฐานะปุโรหิตของพวกเขาขณะที่พวกเขาเตรียม ให้พรและส่งผ่านศีลระลึก เด็กๆ นั่งอย่างสงบและมีความคารวะขณะที่บิดามารดาของพวกเขาสอน นี่คือเวลาที่เราจะฟังข่าวสารแห่งการดลใจและคำแนะนำ เป็นเวลาไตร่ตรองหลักคำสอนที่พระคริสต์ทรงสอนเรา

ขอให้เราหารือกันเพื่อปรับปรุงการถือปฏิบัติวันสะบาโตของเรา ขอให้เราระลึกถึงการชดใช้อันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้ช่วยให้รอดขณะที่เรารับส่วนขนมปังและน้ำ ขอให้เราฟังคำสวดอ้อนวอนศีลระลึกและเต็มใจรับพระนามของพระบุตรไว้กับเราและระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลาและรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้เราทำสิ่งเหล่านี้และมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับเราเสมอ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

คำบรรยายภาพ: เอ็ลเดอร์โรเบิร์ต เค. วิลเลียม

อ้างอิง

  1. 1. โมเสส 7:35, เน้นตัวเอน

  2. 2. ดู อับบราฮัม 4:26.

  3. 3. ดู คู่มือเล่ม 2, 4.1

  4. 4. ดู คู่มือเล่ม 2, 4.6.1

  5. 5. ดู M. Russell Ballard, “Strength in Counsel,” M. Russell Ballard, General Conference, October 1993 (http://www.lds.org/general-conference/1993/10/strength-in-counsel).

  6. 6. คพ. 107:30.

  7. 7. ดู ลูกา 22:19.

  8. 8. ดู ลูกา 22:20.

  9. 9. ดู มัทธิว 26:28.

  10. 10. 3 นีไฟ 18: 3.

  11. 11. 3 นีไฟ 18: 7.

  12. 12. ดู 3 นีไฟ 18:11.

  13. 13. General Authority Training, April 2015.

  14. 14. Ibid.