วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007 คริส วิลเลียมส์ คุณพ่อลูกสี่และอธิการในยูทาห์ พาครอบครัวออกไปรับประทานอาหารข้างนอก ขณะขับรถกลับบ้านในคืนวันศุกร์อันน่าสลดใจ รถอีกคันหนึ่งขับมาด้วยความเร็ว 60 ไมล์ต่อชั่วโมง คนขับอายุ 17 ปีและเมาสุรา รถที่เขาขับพุ่งเข้าชนรถของครอบครัววิลเลียมส์ แรงกระแทกทำให้รถหมุนคว้างไปปะทะเสาสะพานใต้ทางด่วน เมื่ออธิการวิลเลียมส์รู้สึกตัว เขามองสภาพที่เห็นในรถและพบว่ามิเชลล์ ภรรยาของเขาผู้ตั้งครรภ์ลูกคนที่ห้าเสียชีวิตพร้อมกับเบ็นจามิน ลูกชายและแอนนา ลูกสาว
ขณะอธิการวิลเลียมส์รอรถฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่มายังสถานที่เกิดเหตุ เขาบอกว่าสิ่งที่ใจเขาคิดในเวลานั้นคือ “ใครก็ตามที่ทำแบบนี้กับเรา ผมให้อภัยพวกเขา ผมไม่สนใจหรอกว่าสภาพการณ์จะเป็นอย่างไร ผมให้อภัยพวกเขา”1
การเรียนรู้ที่จะให้อภัยผู้อื่น โดยเฉพาะกับคนที่ทำผิดต่อเรา เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอด หากเราจะเป็นเหมือนพระคริสต์ได้ เราต้องพยายามทำตามแบบอย่างคุณลักษณะและพระจริยวัตรของพระองค์ พระคริสต์ทรงถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม ถูกตัดสินว่าผิดอย่างไม่เที่ยงธรรม และถูกโบยตีอย่างโหดเหี้ยม แต่ขณะที่พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขน พระองค์ตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงยกโทษพวกเขาเพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” (ลูกา 23:34) เราก็เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากพระลักษณะแห่งการให้อภัยของพระเยซูคริสต์เช่นกัน พระองค์ตรัสว่า “ ผู้ใดก็ตามที่รับบัพติศมาจะรับบัพติศมาสู่การกลับใจ. และผู้ใดก็ตามที่เจ้ารับจะเชื่อในนามของเรา; และผู้นั้นเราจะเต็มใจให้อภัย” (โมไซยาห์ 26:22)
เพื่อจะให้อภัยเหมือนอย่างพระผู้ช่วยให้รอดทรงให้อภัย เราต้องเรียนรู้ที่จะรักดังที่พระองค์ทรงรักและมองผู้อื่นดังที่พระองค์ทรงมอง เป็นเรื่องง่ายที่จะรักคนที่รักเรา พระเยซูตรัสว่าแม้คนชั่วร้ายก็ทำเช่นนั้นได้ แต่พระเยซูทรงสอนกฎที่สูงกว่า “จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวกท่าน” (มัทธิว 5:44) ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟกล่าวว่า “ความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์สามารถขจัดความรู้สึกเคียดแค้นชิงชังออกจากดวงตาของเรา ทำให้เรามองเห็นผู้อื่นในแบบที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงเห็นเรา ว่าเป็นมนุษย์ที่บกพร่องและไม่ดีพร้อมผู้มีศักยภาพและมีค่าควรเกินกว่าที่เราจะคาดคิด เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงรักเรามาก เราจึงต้องรักและให้อภัยกัน”2
เรา “ต้องรักและให้อภัยกัน” การไม่ให้อภัยผู้อื่นไม่เพียงเป็นบาปเท่านั้น แต่เป็นบาปร้ายแรงกว่าสิ่งที่ผู้อื่นกระทำต่อเรา พระเจ้าทรงสอนว่า “ดังนั้น, เรากล่าวแก่เจ้า, ว่าเจ้าควรให้อภัยกัน; เพราะคนที่ไม่ให้อภัยความผิดแก่พี่น้องตนย่อมอยู่ในสภาพที่ถูกกล่าวโทษต่อพระพักตร์พระเจ้า; เพราะบาปที่ร้ายแรงกว่ายังคงอยู่กับเขา. เรา, พระเจ้า, จะให้อภัยผู้ที่เราจะให้อภัย, แต่เรียกร้องจากเจ้าที่จะให้อภัยมนุษย์ทั้งปวง” (คพ. 64:9-10)
เพื่อเราจะได้รับความเมตตา เราต้องเต็มใจให้ผู้อื่นก่อน (มัทธิว 5:7) ในคำเทศนาบนภูเขา พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนว่า “เพราะว่าถ้าพวกท่านให้อภัยการล่วงละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะทรงให้อภัยการล่วงละเมิดของพวกท่านด้วย แต่ถ้าพวกท่านไม่ให้อภัยการล่วงละเมิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านจะไม่ทรงให้อภัยการล่วงละเมิดของพวกท่านเหมือนกัน” (มัทธิว 6:14-15)
เราไม่ควรเข้าใจว่าการให้อภัยผู้อื่นเป็นการยอมยกโทษให้การกระทำโดยมิชอบ การทำร้าย การทำอันตราย ความเลินเล่อหรือพฤติกรรมเลวร้ายอื่นๆ การให้อภัยผู้อื่นไม่ได้หมายความว่าผู้กระทำผิดจะไม่ได้รับความยุติธรรมหรือบุคคลควรอดทนต่อการกระทำทารุณกรรม แต่การให้อภัยผู้อื่นช่วยให้เราเป็นเหยื่อได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์พูดถึงการให้อภัยว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าการให้อภัยอาจเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนแผ่นดินโลก และเป็นที่ต้องการมากที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย มีความโหดร้ายและการกระทำทารุณกรรมมากมายอันเนื่องจากความไร้ขันติธรรมและความเกลียดชัง การกลับใจและการให้อภัยจึงจำเป็นอย่างยิ่ง นี่คือหลักธรรมสำคัญที่กล่าวย้ำไว้ในพระคัมภีร์ทุกเล่ม ทั้งในสมัยโบราณและปัจจุบัน”3
การชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดไม่เพียงช่วยให้เราได้รับการให้อภัยเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราให้อภัยผู้อื่นด้วย เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์พูดถึงความสูญเสียที่ครอบครัววิลเลียมส์ต้องอดทนว่า “คริส วิลเลียมส์ใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ให้อภัยคนขับรถเมาสุราผู้เป็นสาเหตุในการเสียชีวิตของภรรยาและลูกสองคน เพียงสองวันหลังจากเหตุสลดใจนี้ขณะยังโศกเศร้าอยู่มาก ชายผู้ให้อภัยคนนี้ ซึ่งขณะนั้นรับใช้เป็นอธิการคนหนึ่งของเรากล่าวว่า ‘ในฐานะสานุศิษย์ของพระคริสต์ ผมไม่มีทางเลือกอื่น’”4 เมื่อเราพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้อภัยผู้อื่น เราสามารถทูลขอพลังจากพระผู้เป็นเจ้าให้ทำเช่นนั้นได้ พระองค์ทรงปรารถนาจะให้อภัยเราฉันใด พระองค์ทรงต้องการให้เราให้อภัยผู้อื่นฉันนั้น
อ้างอิง
1 Deseret News, April 8, 2013
2 ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ, “ผู้มีใจกรุณาย่อมได้รับพระกรุณา,” เลียโฮนา, พฤษภาคม 2012, 76.
3 กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์, “การให้อภัย,” เลียโฮนา, พฤศจิกายน 2005, 96.
4 ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “ผู้ติดตามของพระคริสต์,” เลียโฮนา, พฤษภาคม 2013, 98.