พลังของสมาชิกและผู้สอนศาสนาทำงานร่วมกัน

เอ็ลเดอร์เบ็นจามิน ไท

ปีที่แล้วข้าพเจ้าไปร่วมรับประทานอาหารค่ำกับผู้นำสเตคและผู้นำคณะเผยแผ่  หลังจากสวดอ้อนวอนให้พรอาหารและขณะที่เราจะเริ่มรับประทาน เราพบว่าแต่ละคนได้รับตะเกียบไว้ใช้เพียงคนละหนึ่งข้าง  ด้วยความกระตือรือร้นที่จะลิ้มรสอาหารซึ่งเตรียมไว้อย่างสวยงาม เราขอตะเกียบเพิ่มอีกข้างจากเจ้าภาพแต่ได้รับแจ้งมาว่าเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารด้วยสิ่งที่จัดไว้ให้  หลังจากจิ้มอาหารของเราด้วยความหงุดหงิดสักพักหนึ่ง ในที่สุดเราก็ได้ตะเกียบอีกข้างไว้ใช้รับประทานอาหารของเรา  ตลอดค่ำวันนั้น เราสนทนากันด้วยเรื่องที่จุดประกายความคิดของเราว่า เช่นเดียวกับการกินด้วยตะเกียบ งานแห่งความรอดจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อสมาชิกและผู้สอนศาสนาเต็มเวลาร่วมมือกันเป็นเครื่องมือที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระหัตถ์ของพระเจ้า 

พวกเราบางคนใช้ตะเกียบไม่เป็นฉันใด ขนบประเพณีในอดึตหรือการขาดประสบการณ์อาจทำให้สมาชิกและผู้สอนศาสนาไม่สามารถแบกแอกได้เท่าเทียมกันในงานแห่งความรอดฉันนั้น  น่ายินดีที่ยังไม่เร็วเกินไปหรือสายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลง  ประธานโธมัส เอส. มอนสันประกาศว่า “บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่สมาชิกและผู้สอนศาสนาจะพร้อมใจลงแรงทำงานด้วยกันในสวนองุ่นของพระเจ้าเพื่อนำจิตวิญญาณมาหาพระองค์   พระองค์ทรงเตรียมหนทางให้เราแบ่งปันพระกิตติคุณมากมายหลายวิธี และพระองค์จะทรงช่วยเราในการลงแรงนั้นถ้าเราจะกระทำด้วยศรัทธาเพื่อให้งานของพระองค์เกิดสัมฤทธิผล”1  เราได้รับพรด้วยแบบอย่างมากมายในพระคัมภีร์ที่สอนเราว่าเราจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร

แบบอย่างหนึ่งมีอยู่ในพระคัมภีร์มอรมอน แอมัน ผู้สอนศาสนาผู้ยิ่งใหญ่ เสียสละอย่างมากเพื่ออุทิศชีวิตของท่านในการสั่งสอนพระกิตติคุณแก่ชาวเลมัน  ท่านแบ่งปันพระกิตติคุณผ่านการกระทำแห่งความรักและการรับใช้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนใจเลื่อมใสที่ยั่งยืนมากมาย  พระเจ้าทรงส่งคนอื่นๆ มาช่วยแอมันด้วย  ในแอลมา 19:16–28 เราเรียนรู้เรื่องราวของเอบิช ชาวเลมันผู้มีความเชื่อผู้ไม่เคยแบ่งปันความเชื่อของเธอให้ใครมาก่อน  หลังจากเห็นด้วยตาตนเองถึงประสบการณ์ทางวิญญาณของแอมันและผู้คนในครัวเรือนของกษัตริย์ลาโมไน เธอทำตามการกระตุ้นเตือนที่จะเชื้อเชิญคนอื่นๆ มาดูและ “วิ่งจากบ้านหนึ่งไปอีกบ้านหนึ่ง, ทำให้เป็นที่รู้แก่ผู้คน”2  เมื่อเอบิชตระหนักว่าแอมันและคนที่ท่านสอนต้องการความช่วยเหลือ เธอก้าวเข้าไปช่วยหนุนใจพวกเขาเป็นการส่วนตัว  ด้วยความละเอียดอ่อนต่อการกระตุ้นเตือน และทำตามด้วยความกล้าหาญและศรัทธา เธออยู่กับพวกเขาที่นั่นคอยเป็นกำลังใจและช่วยหนุนใจ เอบิชมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของผู้คนมากมาย  เช่นเดียวกับเอบิช เราแต่ละคนสามารถแสวงหาการกระตุ้นเตือนโดยการไตร่ตรองคำถามต่อไปนี้

-       คนรอบข้างเรารู้หรือไม่ว่าเราเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระเจ้า

-       เราตระหนักในเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตประจำวันของเราและแสวงหาโอกาสแบ่งปันประสบการณ์เหล่านั้นกับผู้อื่นหรือไม่

-       เราจะช่วยให้ผู้อื่นตระหนักในเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตพวกเขาอย่างไร

-       เราจะมีบทบาทส่วนตัวที่แข็งขันมากขึ้นในการช่วยหนุนใจผู้สอนศาสนาและคนที่พวกเขาสอนได้อย่างไร

เราควรกระทำตามการกระตุ้นเตือนที่เราได้รับโดยทันทีเช่นกัน

เมื่อไม่นานมานี้ ข้าพเจ้าไปเยี่ยมชายหนุ่มคนหนึ่งผู้รับใช้เป็นผู้สอนศาสนาวอร์ด  เขาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าสมาชิกวอร์ดของเขากับผู้สอนศาสนาเต็มเวลาที่รับใช้ที่นั่นได้เปลี่ยนสภาพพื้นที่ซึ่งงานเผยแผ่ศาสนาไม่เคยมีประสิทธิภาพมาก่อนจนกลายเป็นที่ซึ่งเต็มไปด้วยความแข็งขัน ความกระตือรือร้นและการเปลี่ยนใจเลื่อมใส  เขาเล่าว่าผู้สอนศาสนาใช้เวลาหลายเดือนรับใช้สมาชิกด้วยการกระทำอันเรียบง่ายของความมีน้ำใจ แบ่งปันพรสวรรค์ของพวกเขาและสร้างความไว้วางใจผ่านการทำงานอย่างขยันหมั่นเพียร  เขาพูดต่อไปว่าสมาชิกประทับใจแบบอย่างและเจตนารมณ์ของผู้สอนศาสนาอย่างไรจึงได้พัฒนาไปเป็นความเคารพรักต่อพวกเขา  โดยสร้างบนรากฐานของความรักและความไว้วางใจ ผู้สอนศาสนาเชื้อเชิญให้สมาชิกช่วยผูกมิตรและสอนผู้สนใจ และสมาชิกเริ่มเชื้อเชิญผู้สอนศาสนาเข้ามาในบ้าน เมื่อมีการสอนประจำบ้านและการเยี่ยมสมาชิกที่แข็งขันน้อยหรือมีครอบครัวที่เป็นสมาชิกเพียงบางคนในวอร์ด  มีการวางแผนจัดกิจกรรมศาสนจักรเป็นประจำซึ่งคนที่ไม่ใช่สมาชิกรู้สึกเป็นกันเองและได้สร้างวัฒนธรรมของการเชื้อเชิญเพื่อนและมิตรสหาย  โดยเฉพาะในวอร์ดแห่งนี้ ปัจจุบันสมาชิกและผู้สอนศาสนามีส่วนในงานแห่งความรอดร่วมกันอย่างแข็งขันและเปี่ยมปีติ

ในฐานะบิดาของผู้สอนศาสนาคนหนึ่งในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าสำนึกคุณในความมีน้ำใจและการกระทำของสมาชิกที่นั่นตลอดจนสมาชิกทุกแห่งที่ทำงานด้วยกันกับผู้สอนศาสนา  ข้าพเจ้าสำนึกคุณที่ลูกชายข้าพเจ้าและผู้สอนศาสนาเต็มเวลาคนอื่นๆ กำลังรับใช้อย่างขยันหมั่นเพียรด้วยศรัทธาและความรัก  ข้าพเจ้าสำนึกคุณพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดสำหรับโอกาสที่ได้ทำงานร่วมกับผู้สอนศาสนาและสมาชิกในงานแห่งความรอด  ข้าพเจ้ามีศรัทธาอย่างแท้จริงว่าเมื่อเราพยายามทำงานร่วมกันในฐานะสมาชิกและผู้สอนศาสนา งานอันยิ่งใหญ่นี้จะรุดหน้าและเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น

 


อ้างอิง

[1] โธมัส เอส. มอนสัน, “ขอต้อนรับสู่การประชุมใหญ่,” เลียโฮนา, พฤศจิกายน 2013, 4.

2 แอลมา 19:17