เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2019 เราได้รับคำแนะนำให้มุ่งเน้นการเรียนรู้พระกิตติคุณที่มีบ้านเป็นศูนย์กลางและศาสนจักรสนับสนุน
เมื่อมีการประกาศครั้งแรกในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา การมุ่งเน้นลำดับแรกอยู่ที่ “โบสถ์สองชั่วโมง” ขณะที่สมาชิกหลายคนต้อนรับการเปลี่ยนแปลง แต่บางคนผิดหวังที่ “เข้าโบสถ์น้อยลง” เมื่อเราเข้าโบสถ์ เราจะรู้สึกถึงพระวิญญาณอันหวานชื่นระหว่างการนมัสการของเรา ซึ่งรักษาตัวเราให้หมดจดจากโลก1สมาชิกบางคนบรรยายถึงการนมัสการวันสะบาโตของเราว่าเป็นวิธีเติมพลังงานทางวิญญาณของเรา ช่วยให้เรารอดจากความท้าทายของโลกได้ โดยที่ความท้าทายของโลกมีมากขึ้น การเติมพลังงานความเข้มแข็งทางวิญญาณของเราสัปดาห์ละครั้งจึงไม่เพียงพอ เราต้องกระตือรือร้นในการเติมพลังงานความเข้มแข็งทางวิญญาณของเราบ่อยครั้งขึ้น
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันอธิบายว่า “ปฏิปักษ์โจมตีศรัทธา ตัวเรา และครอบครัวเรามากขึ้นและเร็วขึ้นทุกขณะ เพื่อความอยู่รอดทางวิญญาณ เราต้องมีกลยุทธ์และแผนเชิงรุก”2 เห็นได้ชัดว่า แนวทางใหม่คือ “แผนเชิงรุก” ซึ่งเรียกร้องให้เรากระทำ แทนที่จะถูกกระทำ3
ประธานเนลสันสอนเราว่า “พวกเราวิสุทธิชนยุคสุดท้ายคุ้นเคยกับการคิดว่า ‘ศาสนจักร’ เป็นบางอย่างที่เกิดขึ้นในอาคารประชุมของเรา และให้สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านคอยสนับสนุน เราต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบนี้ ถึงเวลาแล้วที่ ศาสนจักรจะให้ครอบครัวเป็นศูนย์กลางให้สิ่งที่เกิดขึ้นในอาคารของสาขา วอร์ด และสเตคคอยสนับสนุน”2
เมื่อพูดถึง “ศาสนจักรสนับสนุน” ความคิดแรกของข้าพเจ้ามุ่งเน้นที่จะทำอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงที่เพิ่มมาในแต่ละวันอาทิตย์เพื่อศึกษาพระกิตติคุณอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เอ็ลเดอร์เควนทิน แอล. คุกเตือนให้เรา “หารือกันและแสวงหาการเปิดเผยเพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนเหล่านี้—โดยไม่มองข้ามเป้าหมายหรือพยายามบงการบุคคลหรือครอบครัว”4
หารือกันและแสวงหาการเปิดเผยเพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนเหล่านี้—โดยไม่มองข้ามเป้าหมายหรือพยายามบงการบุคคลหรือครอบครัว
เอ็ลเดอร์เควนทิน แอล. คุก
สมาชิกครอบครัวควรหารือกันเพื่อค้นหาว่าอะไรเหมาะสมที่สุดต่อสภาวการณ์ของพวกเขา สำหรับคนโสด หรือมีครอบครัวที่ไม่ใช่สมาชิกทั้งหมด หรือมีสมาชิกครอบครัวที่อยู่ห่างไกล พระเจ้าทรงเตรียมทางให้ท่านได้รับพรจากการศึกษาพระกิตติคุณที่มีบ้านเป็นศูนย์กลาง
เมื่อเราดำเนินการเรียนรู้พระกิตติคุณที่มีบ้านเป็นศูนย์กลาง คำแนะนำต่อไปนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง “เมื่อเราศึกษาพระกิตติคุณ เราจึงไม่เพียงมองหาข้อมูลใหม่ๆ เท่านั้นแต่เราต้องการเป็น คนที่ถูกสร้างใหม่”5“หมายถึงการพึ่งพาพระคริสต์ให้เปลี่ยนใจเรา ทัศนะของเรา การกระทำของเรา และธรรมชาติวิสัยของเรา … การเปลี่ยนใจเลื่อมใสที่แท้จริงเรียกร้องอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์”6
เนื่องจากการเปลี่ยนใจเลื่อมใสคือวัตถุประสงค์ และอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสิ่งจำเป็น จึงไม่ควรมุ่งเน้นว่าเราศึกษาที่บ้านมากเพียงใดหรือเร็วแค่ไหน เราควรพยายามมุ่งเน้นที่ข้อคิด ประจักษ์พยาน และประสบการณ์ทางวิญญาณของเรา จดบันทึกสิ่งที่เราเรียนรู้ นำไปใช้ในชีวิต แบ่งปันความรู้พระกิตติคุณกับผู้อื่นอย่างแข็งขัน และมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่จะอัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์มาประทับอยู่ด้วย
น่าชื่นชมที่จะได้รับความรู้พระกิตติคุณเพิ่มขึ้น เข้าใจพระคัมภีร์ดีขึ้น และซาบซึ้งใจมากขึ้นต่อคำสอน ความรัก แบบอย่าง และการพลีพระชนม์ชีพของพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของเรา แต่สำคัญกว่าที่จะเสริมสร้างประเพณีครอบครัวและนิสัยที่ชอบธรรมกับคนที่เรารักและเริ่มการเรียนรู้พระกิตติคุณในบ้านของเรา
เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์อธิบายว่า “พลังพระกิตติคุณของพระผู้ช่วยให้รอดในการเปลี่ยนเราและเป็นพรแก่เรามาจากการมองความเกี่ยวข้องกันของหลักคำสอน หลักธรรม และวิธีปฏิบัติให้ออกและประยุกต์ใช้ ต่อเมื่อเรา รวบรวมทุกสิ่งให้อยู่ในพระคริสต์ด้วยการมุ่งเน้นที่พระองค์เท่านั้น ความจริงพระกิตติคุณจึงจะสามารถเปิดทางให้เราเป็นดังที่พระองค์ทรงปรารถนาให้เราเป็น และอดทนอย่างองอาจจนกว่าชีวิตจะหาไม่”7
“พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยแบบแผนของการเติบโตทางวิญญาณสำหรับบุคคลและครอบครัวผ่านศาสนพิธี คำสอน โปรแกรม และกิจกรรมต่างๆ ซึ่งมุ่งเน้นที่บ้านและ [ศาสนจักรสนับสนุน] องค์การและโปรแกรมของศาสนจักรดำรงอยู่เพื่อเป็นพรแก่บุคคลและครอบครัว มิใช่เพื่อผลประโยชน์ขององค์การหรือโปรแกรมนั้นๆ”8
เมื่อเราใช้ศรัทธาและฝึกฝนการเรียนรู้พระกิตติคุณที่บ้านต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง พระผู้ช่วยให้รอดจะทรงอวยพรเราด้วยความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น ความรักมากขึ้นท่ามกลางสมาชิกครอบครัว มีพลังมากขึ้นในการเผชิญความท้าทายประจำวัน และบ้านที่อบอวลด้วยปีติและสันติสุข ข้าพเจ้าทราบว่าทิศทางใหม่เหล่านี้มาจากพระผู้เป็นเจ้าเพราะความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงมีต่อเรา ในพระนามของพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของเรา แม้พระเยซูคริสต์ เอเมน ■
______________________________________
อ้างอิง:
1 ดู คพ. 59:9
2 รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, คำกล่าวเปิดการประชุม, การประชุมใหญ่สามัญ, ตุลาคม 2018
3 ดู 2 นีไฟ 2:14
4 เควนทิน แอล. คุก, “การเปลี่ยนใจเลื่อมใสอันลึกซึ้งและยั่งยืนต่อพระบิดาบนสวรรค์และพระเจ้าพระเยซูคริสต์”, การประชุมใหญ่สามัญ, ตุลาคม 2018
5 ดู 2 โครินธ์ 5:17
6 “การเปลี่ยนใจเลื่อมใสเป็นเป้าหมายของเรา”, จงตามเรามา—สำหรับบุคคลและครอบครัว
7 เดวิด เอ. เบดนาร์, “รวบรวมทุกสิ่งให้อยู่ในพระคริสต์”, การประชุมใหญ่สามัญ, ตุลาคม 2018
8 คู่มือเล่ม 2: การบริหารงานศาสนจักร (2010), 1.4)