ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธผู้แปลพระคัมภีร์มอรมอนกล่าวว่า “ข้าพเจ้าบอกบรรดาพี่น้องชายว่าพระคัมภีร์ มอรมอนเป็นหนังสือที่ถูกต้องยิ่งกว่าหนังสือใดๆ บนแผ่นดินโลก, และเป็นศิลาหลักแห่งศาสนาของเรา, และมนุษย์จะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นโดยการยึดมั่นกับหลักการของหนังสือเล่มนี้, ยิ่งกว่าหนังสือเล่มอื่นใด”1 ข้าพเจ้าเป็นพยานร่วมกับศาสดาพยากรณ์ว่านี่เป็นความจริง พระคัมภีร์เล่มนี้มีความสมบูรณ์แห่งพระกิตติคุณ มีการฟื้นฟูความจริงที่หายไป มีการยืนยันหลักคำสอนของพระคริสต์อย่างหนักแน่นอีกครั้ง เราเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการชดใช้และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอด มีขุมทรัพย์แห่งความจริงที่จะนำทุกคนที่อ่านด้วยความจริงใจไปยังพระผู้ช่วยให้รอดของเรา
ท่ามกลางหลายแง่มุมของหนังสือเล่มนี้ ข้าพเจ้าต้องการมุ่งความสนใจไปที่ความจริงเพียงสามข้อ
1. พระคัมภีร์มอรมอนมีพลังเปลี่ยนชีวิตผู้คน
สิ่งหนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่ข้าพเจ้าค้นพบจากการอ่านพระคัมภีร์มอรมอนคือหนังสือเล่มนี้มีพลังเปลี่ยนชีวิตผู้คน พระคัมภีร์มอรมอนเปลี่ยนชีวิตข้าพเจ้าขณะที่อ่านเมื่อสมัยเป็นเด็กหนุ่มแม้กระทั่งก่อนเข้าร่วมศาสนจักร ทุกค่ำคืนขณะข้าพเจ้าคุกเข่าสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า มีการหลั่งเทพระวิญญาณมาที่ข้าพเจ้า น้ำตาข้าพเจ้าไหลพราก ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเข้านอนทุกคืนด้วยความรู้สึกสงบและเปี่ยมสุข
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันกล่าวว่า “พระคัมภีร์มอรมอนไม่เพียงสอนความจริงเท่านั้น แม้จริงๆ แล้วจะสอนเช่นนั้น พระคัมภีร์มอรมอนไม่เพียงแสดงประจักษ์พยานถึงพระคริสต์เท่านั้น แม้จริงๆ แล้วจะทำเช่นนั้นด้วย แต่มีบางอย่างมากกว่านั้น มีพลังในหนั งสือเล่มนี้ซึ่งจะเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในชีวิตท่านทันทีที่ท่านเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง ท่านจะพบพลังต่อต้านการล่อลวงมากขึ้น ท่านจะพบพลังหลีกเลี่ยงการหลอกลวง ท่านจะพบพลังอยู่บนทางคับแคบและแคบ”2 ด้วยเหตุผลเช่นนี้ศาสดาพยากรณ์ยุคปัจจุบันจึงท้าทายอยู่เป็นประจำให้เราอ่านพระคัมภีร์มอรมอนและรู้สึกถึงพลังที่หลั่งไหลมาจากพระคัมภีร์อีกครั้ง ครอบครัวจะเข้มแข็งมากขึ้นเมื่อพวกเขาอ่านพระคัมภีร์ด้วยกัน
เมื่อเด็กอ่านพระคัมภีร์มอรมอน ครั้งแรกและหลงใหลความกล้าหาญของอบินาไดหรือการเดินทัพของนักรบหนุ่ม 2,000 คน เราอาจเสริมอย่างสุภาพได้ว่าพระเยซูทรงเป็นบุคคลสำคัญที่สุดตลอดพงศาวดารอันน่าอัศจรรย์นี้ ทรงเป็นเหมือนรูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนพระคัมภีร์ทุกหน้าและเชื่อมโยงไปสู่ผู้ส่งเสริมศรัทธาคนอื่นๆ ทุกคนในพระคัมภีร์
เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์
2. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางของพระคัมภีร์เล่มนี้–นี่เป็นพยานหลักฐานอีกเล่มหนึ่งของพระองค์
ถึงแม้พระคัมภีร์เล่มนี้จะมีชื่อตามศาสดาพยากรณ์และนักประวัติศาสตร์มอรมอนผู้ที่อ้างอิงและย่อถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์สมัยโบราณหลายท่าน แต่พระคัมภีร์เล่มนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่พระเยซูคริสต์ หนึ่งในจุดประสงค์หลักของพระคัมภีร์คือ “เพื่อให้ชาวยิวและคนต่างชาติมั่นใจด้วยว่าพระเยซูคือพระคริสต์, พระผู้เป็นเจ้านิรันดร์, และทรงแสดงองค์ ให้ประจักษ์ แก่ประชาชาติทั้งปวง”3 พระคัมภีร์เล่มนี้เป็นพยานหลักฐานอีกเล่มหนึ่งของพระเจ้าพระเยซูคริสต์และการปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ท่ามกลางผู้คนในทวีปอเมริกา เหตุการณ์สำคัญที่สุดของพระคัมภีร์มอรมอนคือการปรากฏของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ต่อผู้คนในอเมริกาภายหลังการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ได้ไม่นาน พระองค์ทรงกำหนดรูปแบบของบัพติศมาอย่างชัดเจนและทรงสอนให้ผู้คนรักและมีจิตกุศล พระองค์ประทานพรและทรงรักษาผู้ป่วยตลอดจนคนมีทุกข์เช่นกัน พระองค์ทรงวางระเบียบศาสนจักรของพระองค์และทรงสอนหลักคำสอนของพระคริสต์
เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์กล่าวในการประชุมใหญ่สามัญครั้งล่าสุดว่า “เมื่อเด็กอ่านพระคัมภีร์มอรมอน ครั้งแรกและหลงใหลความกล้าหาญของอบินาไดหรือการเดินทัพของนักรบหนุ่ม 2,000 คน เราอาจเสริมอย่างสุภาพได้ว่าพระเยซูทรงเป็นบุคคลสำคัญที่สุดตลอดพงศาวดารอันน่าอัศจรรย์นี้ ทรงเป็นเหมือนรูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนพระคัมภีร์ทุกหน้าและเชื่อมโยงไปสู่ผู้ส่งเสริมศรัทธาคนอื่นๆ ทุกคนในพระคัมภีร์”4 พระคัมภีร์เล่มนี้เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดเมื่อพระองค์ยังทรงเป็นและจะทรงเป็นศูนย์กลางของพระคัมภีร์เล่มนี้และชีวิตเราอยู่เสมอ
3. พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานถึงพระคัมภีร์เล่มนี้
จุดประสงค์ของสมาชิกองค์ที่สามของพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์คือเป็นพยานถึง “ความจริงของทุกเรื่อง”5 พระองค์ยังทรง “เป็นพยานถึงพระบิดาและพระบุตร”6 คนจะได้รับประจักษ์พยานที่มั่นคงถึงพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์โดยพลังอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น โมโรไนบุตรชายของศาสดาพยากรณ์มอรมอน ให้คำสัญญานี้ว่าผู้นั้นจะได้รับประจักษ์พยานของพระคัมภีร์มอรมอนอย่างไร เขากล่าวว่า “และเมื่อท่านจะได้รับเรื่องเหล่านี้, ข้าพเจ้าจะแนะนำท่านให้ทูลถามพระผู้เป็นเจ้า, พระบิดานิรันดร์, ในพระนามของพระคริสต์, ว่าเรื่องเหล่านี้จริงหรือไม่; และหากท่านจะทูลถามด้วยใจจริง, ด้วยเจตนาแท้จริง, โดยมีศรัทธาในพระคริสต์, พระองค์จะทรงแสดงความจริงของเรื่องให้ประจักษ์แก่ท่าน, โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์”7 พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานถึงความจริงทั้งหมด
ข้าพเจ้าเป็นพยานด้วยความเคารพว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นพระคำของพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานแก่เรา พระคัมภีร์เล่มนี้เป็นพยานหลักฐานอีกเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์ ชีวิตเราจะเปลี่ยนหากเราอ่านพระคัมภีร์มอรมอนทุกวัน ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน ■
_____________________________________
อ้างอิง:
- คำนำพระคัมภีร์มอรมอน
- เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน, “The Book of Mormon - Keystone of Our Religion”, General Conference, October 1986
- หน้าชื่อเรื่องของพระคัมภีร์มอรมอน
- เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “ข่าวสาร ความหมาย และฝูงชน” การประชุมใหญ่สามัญ, ตุลาคม 2019
- ดู โมโรไน 10:5
- ดู 2 นีไฟ 31:18
- ดู โมโรไน 10:4