ตามแผนแห่งความรอด เราต้องรับศาสนพิธีทั้งหมดที่จำเป็นต่อความรอดและความสูงส่ง ขณะเดียวกันเราต้องรักษาพันธสัญญาที่มาควบคู่กับศาสนพิธีเหล่านี้ที่เราทำกับพระผู้เป็นเจ้าด้วยเพื่อกลับไปยังที่ประทับของพระองค์ ศาสนพิธีเหล่านี้ ได้แก่ บัพติศมา, การยืนยัน, การแต่งตั้งฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค (สำหรับผู้ชาย), เอ็นดาวเม้นท์พระวิหารและการผนึกในพระวิหาร
เราสามารถรู้สึกและได้รับพรด้วยพลังอำนาจ1ของความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าในชีวิตเราผ่านศาสนพิธีฐานะปุโรหิต ข้าพเจ้ามีประสบการณ์อันลึกซึ้งขณะรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา วันหนึ่งสมาชิกขอให้ข้าพเจ้าและคู่ให้พรฐานะปุโรหิตแก่คุณแม่ของเขา (ซึ่งไม่ใช่สมาชิก) ข้าพเจ้าไม่รู้จักเธอเลย อีกทั้งไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเธอจึงต้องการพร อย่างไรก็ตาม หลังการให้พรเสร็จ เธอน้ำตาไหลพรั่งพรู ในฐานะเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารู้ว่านั่นไม่ใช่เพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าพูด แต่เป็นเพราะพลังอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเธอประสบผ่านพรฐานะปุโรหิต การที่เธอรู้ว่าพระบิดาบนสวรรค์เข้าพระทัยการท้าทายที่เธอเผชิญรวมถึงความรู้สึกส่วนลึกในใจเธอ และการที่เธอรับรู้ถึงความรักของพระบิดาบนสวรรค์ที่ทรงมีต่อเธอ
เมื่อเรารักษาพันธสัญญาที่มาควบคู่กับศาสนพิธีที่จำเป็นต่อความรอดและความสูงส่ง เราจะได้รับพรและได้รับพลังอำนาจแบบพระผู้เป็นเจ้า ประธานเนลสันสอนเราว่า: “เราเพิ่มพลังของพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตเราเช่นกันเมื่อเราทำพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์และรักษาพันธสัญญาเหล่านั้นอย่างเที่ยงตรง พันธสัญญาของเราผูกมัดเรากับพระองค์และให้พลังอำนาจแบบพระผู้เป็นเจ้าแก่เรา”2
“เราเพิ่มพลังของพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตเราเช่นกันเมื่อเราทำพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์และรักษาพันธสัญญาเหล่านั้นอย่างเที่ยงตรง พันธสัญญาของเราผูกมัดเรากับพระองค์และให้พลังอำนาจแบบพระผู้เป็นเจ้าแก่เรา”
ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน
พลังอำนาจของพันธสัญญาช่วยให้เราอยู่บนเส้นทางพระกิตติคุณนี้ ไมเคิล แอล. ปีเตอร์สัน ประธานคณะเผยแผ่ไทเปคนปัจจุบันรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาในไต้หวันเมื่อยังหนุ่ม เขารู้จักผู้คนยอดเยี่ยมหลายคนที่นั่น
แม้ว่าขณะนั้นเขาจะมีสัมพันธภาพที่ดียิ่งกับผู้คนเหล่านี้ แต่มิตรภาพย่อมจืดจางไปตามกาลเวลาหรืออาจไม่หลงเหลืออยู่ด้วยซ้ำหากสมาชิกไม่ได้รับพันธสัญญากับศาสนพิธีที่มาควบคู่กันซึ่งจำเป็นต่อความรอดและความสูงส่ง3 ในทางกลับกัน มิตรภาพในพระกิตติคุณดำเนินต่อไปชั่วนิรันดร3 ก่อนที่เขาใกล้จะกลับบ้าน เอ็ลเดอร์ปีเตอร์สันได้รู้จักกับครอบครัวหวางจากเมืองไถตงผ่านการเชื้อเชิญ พวกเขารับบัพติศมาหลังจากเอ็ลเดอร์ปีเตอร์สันกลับบ้านไป หลังจากนั้น 36 ปี ประธานปีเตอร์สันกลับมาไต้หวันเพื่อรับใช้และพบกับครอบครัวนี้อีกครั้ง และหวนนึกถึงวันเวลาในอดีต เขาพบว่าความผูกพันระหว่างเขากับครอบครัวนี้ไม่ได้อ่อนแอลงตามกาลเวลา แต่กลับแน่นแฟ้นขึ้นผ่านปีติที่ได้เห็นความก้าวหน้าในเส้นทางพันธสัญญาของกันและกัน เหมือนกับปีติที่แอลมาผู้บุตรและบุตรของกษัตริย์โมไซยาห์รู้สึกเมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง4
สำหรับผู้สอนศาสนาและสมาชิกก็เหมือนกัน เพื่อปฏิบัติศาสนกิจอย่างมีประสิทธิผลนิรันดร์ เราต้องช่วยให้ผู้อื่นรักษาพันธสัญญาและเตรียมทำพันธสัญญาในอนาคตเมื่อพวกเขาก้าวหน้าไปตามเส้นทางนี้ เมื่อเราปฏิบัติศาสนกิจให้ระลึกเสมอว่า: เราจะทำอย่างไรจึงจะสามารถช่วยให้บุคคลหรือครอบครัวที่เราปฏิบัติศาสนกิจได้รับศาสนพิธีต่อไปที่จำเป็นต่อพวกเขา?5
เมื่อบุคคลเตรียมรับศาสนพิธีและพันธสัญญาที่มาควบคู่กัน ย่อมแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งในใจรวมทั้งความมุ่งมั่นที่จะลงมือทำอย่างแท้จริงด้วย เมื่อเรามุ่งมั่นที่จะละทิ้งความเป็นมนุษย์ปุถุชน เราพึ่งพาพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าที่จะเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างธรรมชาติอันสูงส่งของเรา6 ความมุ่งมั่นนี้โดยเบื้องต้นมาจากการรู้สึกถึงพลังอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์และความเชื่อมั่นที่มาพร้อมกัน การเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้เป็นไปได้เมื่อเราได้รับการสนับสนุนที่ดีและเมื่อเรารู้สึกถึงความรักของพระบิดาบนสวรรค์ของเรา ผู้สอนศาสนาที่ช่วยเพื่อนของศาสนจักรให้มาสู่พระคริสต์ บิดามารดาที่ช่วยบุตรธิดาเตรียมสำหรับศาสนพิธีทุกอย่างที่จำเป็นต่อความรอดและความสูงส่ง และทุกคนที่ปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้อื่น จำเป็นต้องเรียนรู้จิตกุศลแบบพระคริสต์และนำไปสู่การปฏิบัติ – เพราะนี่คือวิธีที่บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าสามารถแสดงความมุ่งมั่นขณะเตรียมรับศาสนพิธีและพันธสัญญาที่มาควบคู่กัน ตลอดจนแสดงความแน่วแน่ในการรักษาพันธสัญญาของตนจนถึงวาระสุดท้าย
เมื่อใครก็ตามรับศาสนพิธีและพันธสัญญาในบรรยากาศของความรักและการค้ำจุน ปีติและประสบการณ์อันน่าพิศวงรวมถึงประสิทธิภาพของพันธสัญญาจะอยู่กับผู้รับตลอดเวลา คอยให้การปลอบโยนและความเข้มแข็งแก่พวกเขาในยามจำเป็น วิสุทธิชนผู้ประเสริฐที่ได้รับความรักและการค้ำจุนเช่นนี้จะได้รับการดลใจให้ช่วยเหลือบุตรธิดาคนอื่นๆ ของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเตรียมรับศาสนพิธีและพันธสัญญาเช่นเดียวกัน และจะรักและค้ำจุนคนเหล่านั้นเมื่อพวกเขาหลงทางหรือขาดที่พึ่ง เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงรักโลกมากจนพระองค์ทรงจัดเตรียมศาสนพิธีและพันธสัญญาทั้งหมดที่จำเป็นต่อความรอดและความสูงส่งผ่านการฟื้นฟูศาสนจักรที่แท้จริงของพระองค์โดยศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธในยุคสุดท้ายนี้ บุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าที่ทำพันธสัญญาและอดทนอย่างซื่อสัตย์จนกว่าชีวิตจะหาไม่จะได้รับความรอดและความสูงส่งผ่านอำนาจการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์
ข้าพเจ้ารู้ว่าศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายคือศาสนจักรที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งมีความสมบูรณ์แห่งความจริงพร้อมด้วยสิทธิอำนาจและกุญแจฐานะปุโรหิต พร้อมด้วยศาสนพิธีและพันธสัญญาที่จำเป็นต่อความรอดและความสูงส่ง ข้าพเจ้าสำนึกคุณอย่างยิ่งสำหรับความดีงามและความจริงของสิ่งเหล่านี้ และข้าพเจ้าฝากประจักษ์พยานไว้ในพระนามของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ เอเมน ■
_____________________________________
อ้างอิง:
- ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:19-21
- ดึงพลังของพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตเรา, การประชุมใหญ่สามัญ, เมษายน 2017
- ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 130:2
- ดู แอลมา 17:2
- จุดประสงค์ที่จะเปลี่ยนการปฏิบัติศาสนกิจของเรา, เลียโฮนา, มกราคม 2019
- ดู โมไซยาห์ 3:19