นี่เป็นเวลาที่น่าตื่นเต้นจริงๆ สำหรับสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เราเป็นพยานถึงการหลั่งเทการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องที่ศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผยได้รับ พูดถึง และยืนยันเพื่อเร่งงานแห่งความรอดของพระเจ้าทั้งสองด้านของม่าน มีความเร่งด่วนในการช่วยเหลืออนุชนรุ่นหลังให้ก้าวไปข้างหน้าและก้าวขึ้นไปในการเตรียมทำพันธกิจที่แต่งตั้งพวกเขาไว้ล่วงหน้าให้มาทำบนโลกนี้
การเปลี่ยนแปลงหลักๆ ประการหนึ่งของโปรแกรมเด็กและเยาวชนคือการให้เยาวชนคนหนุ่มสาวของเรามีอิสระในการตั้งเป้าหมายที่เหมาะกับตนเพื่อติดตามพระเยซูผู้ “เจริญขึ้นในด้านสติปัญญาและด้านร่างกาย เป็นที่ชอบต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าคนทั้งหลายด้วย”1 พระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นต้นแบบที่ดีพร้อมของความชอบธรรมทั้งมวล การฟังและการติดตามพระเยซูเป็นทางเดียวที่จะกลับไปที่ประทับของพระบิดาบนสวรรค์ของเรา เมื่อเด็กฝึกทำการเลือกด้วยตนเองตามการชี้นำของบิดามารดาและผู้นำศาสนจักร พวกเขาเริ่มสร้างแบบฉบับในช่วงวัยที่พวกเขาพัฒนาบุคลิกภาพ แม้จะอยู่ในโลกที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเขาสามารถฝึกทำการตัดสินใจโดยยึดแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นหลัก
บิดามารดาจะเป็นแหล่งแรกของแรงจูงใจและความช่วยเหลือเพื่อความสำเร็จของบุตรธิดา ศาสดาพยากรณ์ยุคสุดท้ายเน้นเรื่องสำคัญนี้มานานต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน:
“…การเรียนพระกิตติคุณ สิทธิพิเศษในการรับใช้ การพัฒนาตนเอง และกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น โครงการนี้เริ่มต้นที่บ้าน บิดามารดามีหน้าที่รับผิดชอบอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะสอนบุตรธิดาในแสงสว่างและความจริง ผู้นำศาสนจักรให้การสนับสนุนและการนำทางที่มีคุณค่าต่อเด็ก เยาวชน และครอบครัวของพวกเขา”2
ผู้นำฐานะปุโรหิตสนับสนุนบิดามารดาในบทบาทสำคัญของพวกเขา:
“…ในแต่ละวอร์ด [หรือสาขา] กองทัพเยาวชนของพระเจ้านำโดยอธิการ [หรือประธานสาขา] ผู้รับใช้ที่อุทิศตนของพระผู้เป็นเจ้า ความรับผิดชอบสำคัญที่สุดอันดับแรกของเขาคือดูแลเยาวชนชายและเยาวชนหญิงในวอร์ด [หรือสาขา]”3
โดยผ่านความพยายามร่วมกันนี้ของ 1) การตั้งเป้าหมายส่วนตัว 2) การชี้นำของบิดามารดา และ 3) การนำของฐานะปุโรหิต เด็กและเยาวชนของเราจะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นขณะพวกเขาก้าวหน้าตามเส้นทางพันธสัญญาของพระเจ้า
มีเป้าหมายที่คู่ควรมากมายที่เด็กและเยาวชนสามารถตั้งและทำให้บรรลุด้วยตนเอง แต่เป้าหมายใหญ่สุดเป้าหมายหนึ่งซึ่งจะมีความสำคัญทางวิญญาณอย่างลึกซึ้งในชีวิตพวกเขาคือการดำเนินชีวิตและมีคุณสมบัติคู่ควรถือใบรับรองพระวิหารที่ถูกต้อง นับเป็นพรอย่างยิ่งที่รู้ว่า “เยาวชนหญิงและเยาวชนชายที่ได้รับแต่งตั้งจะเริ่มมีสิทธิ์ถือใบรับรองพระวิหารแบบจำกัดการใช้ตั้งแต่เดือนมกราคมของปีที่พวกเขาอายุครบ 12 ปี”4 พวกเขาสามารถเข้าพระนิเวศน์ของพระเจ้าเพื่อทำงานแทนผู้วายชนม์ที่เป็นญาติของพวกเขา การประกอบศาสนพิธีพระวิหารจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนกำลังทำงานร่วมกับพระผู้ช่วยให้รอดตามที่พยากรณ์ไว้แต่โบราณว่า “…พวกกู้ชาติจะขึ้นไปที่ภูเขาศิโยน…”5 พวกเขาสามารถตั้งตารอวันที่พวกเขาจะได้รับเอ็นดาวเม้นท์พระวิหารของตนเช่นกันหลังจากได้รับจดหมายเรียกเป็นผู้สอนศาสนาจากศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ และช่วยรวบรวมอิสราเอลต่อจากนั้นในการนมัสการที่พระวิหารตลอดชีวิตของพวกเขา
“เวลาใดก็ตาม ที่ท่านทำ สิ่งใดก็ตาม ที่ช่วยให้ ใครก็ตาม—จากทั้งสองด้านของม่าน—ก้าวไปสู่การทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าและรับบัพติศมาและศาสนพิธีพระวิหารที่จำเป็น ท่านกำลังช่วยรวบรวมอิสราเอล เป็นเรื่องที่เรียบง่ายอย่างยิ่ง”6
“ใครก็ตาม” หมายรวมถึงตัวท่าน ผู้วายชนม์ที่เป็นญาติของท่าน และใครก็ตามที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
แม้ไม่มีพระวิหารในประเทศของเยาวชนของเรา แต่พวกเขาทราบว่าการได้ใบรับรองพระวิหารเป็นวิธีหนึ่งในการ “ฟังพระองค์!”7 นั่นจะเป็นสิ่งเตือนใจพวกเขาว่าการฟังพระองค์คือการดำเนินชีวิตให้บริสุทธิ์ดีงามอันเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาบัพติศมาอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา
“ผู้ใดจะขึ้นไปบนภูเขาของพระยาห์เวห์? และผู้ใดจะยืนอยู่ในสถานนมัสการของพระองค์?คือผู้ที่มีมือสะอาดและใจบริสุทธิ์…”8
“ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีถ้าบิดามารดาทุกคู่จะมีภาพพระวิหารในห้องนอนทุกห้องในบ้านของพวกเขาเพื่อให้บุตรธิดาเห็นภาพนั้นทุกวันตั้งแต่วันที่พวกเขาเป็นทารกและพระวิหารกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา เมื่อพวกเขาถึงวัยที่ต้องทำการตัดสินใจครั้งสำคัญมากนี้ การตัดสินใจนี้ได้ทำไว้แล้ว”
The Teachings of Spencer W Kimball (1982), 301
วิธีหนึ่งที่จะเสริมความสำคัญของการทำให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลางของชีวิตพวกเขาผ่านการนมัสการในพระวิหารคือการทำตามคำแนะนำที่ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ให้ไว้
“ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีถ้าบิดามารดาทุกคู่จะมีภาพพระวิหารในห้องนอนทุกห้องในบ้านของพวกเขาเพื่อให้บุตรธิดาเห็นภาพนั้นทุกวันตั้งแต่วันที่พวกเขาเป็นทารกและพระวิหารกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา เมื่อพวกเขาถึงวัยที่ต้องทำการตัดสินใจครั้งสำคัญมากนี้ การตัดสินใจนี้ได้ทำไว้แล้ว”9
ในฐานะบิดามารดาและผู้นำ เรามีความรับผิดชอบทางศีลธรรมต่อความผาสุกของอนุชนรุ่นหลัง เราต้องช่วยให้พวกเขาเติบโต พัฒนา และบรรลุพันธกิจที่แต่งตั้งพวกเขาไว้ล่วงหน้า แต่เราต้องดำเนินชีวิตให้มีค่าควรและถือใบรับรองพระวิหารที่ถูกต้องก่อน ต่อจากนั้นเราจึงจะสอนพวกเขาได้ด้วย “พลังอำนาจและสิทธิอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า”10 ว่าพระคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางของชีวิตเราจริงๆ การเน้นเรื่องการนมัสการในพระวิหารจะทำให้ดวงตาเราเห็นแก่รัศมีภาพของพระองค์อย่างเดียวและฝังคำสอนของพระคริสต์ “…ไม่ว่าโดยเสียงของเราเองหรือโดยเสียงของผู้รับใช้ทั้งหลายของเรา…”11 ไว้ในใจเราและความคิดของเรา
“และพวกเขาตั้งกระโจมของตนอยู่รอบพระวิหาร, โดยที่ชายทุกคนตั้งกระโจมให้ประตูหันไปยังพระวิหาร, เพื่อโดยการนั้นพวกเขาจะได้อยู่ในกระโจมของตนและฟังถ้อยคำที่กษัตริย์เบ็นจามินจะพูดกับพวกเขา”12
อ้างอิง
1. ลูกา 2:52.
2. คำนำโดยฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองใน เด็กและเยาวชนของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย—แนวทางเบื้องต้นสำหรับบิดามารดาและผู้นำ.
3. ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พยาน โควรัมฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน และชั้นเรียนเยาวชนหญิง,” การประชุมใหญ่สามัญ, ตุลาคม 2019.
4. จดหมายจากฝ่ายประธานสูงสุดถึงศาสนจักร, “ความก้าวหน้าตามกลุ่มอายุสำหรับเด็กและเยาวชน,” 14 ธันวาคม 2018.
5. โอบาดีห์ 1:21.
6. ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ความหวังอิสราเอล,” การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับเยาวชนทั่วโลก, 3 มิ.ย. 2018
8. สดุดี 24:3-4.
9. The Teachings of Spencer W Kimball (1982), 301.
11. คพ. 1:38.
12. โมไซยาห์ 2:6.