ข่าวสารจากผู้นำภาคเอเชีย

การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เด็กและเยาวชน

เมื่อเด็กฝึกทำการเลือกด้วยตนเองตามการชี้นำของบิดามารดาและผู้นำศาสนจักร พวกเขาเริ่มสร้างแบบฉบับในช่วงวัยที่พวกเขาพัฒนาบุคลิกภาพ  แม้จะอยู่ในโลกที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเขาสามารถฝึกทำการตัดสินใจโดยยึดแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นหลัก

เอ็ลเดสตีเฟน ชี คอง ไล
เอ็ลเดสตีเฟน ชี คอง ไล แห่งสาวกเจ็ดสิบ

นี่เป็นเวลาที่น่าตื่นเต้นจริงๆ สำหรับสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย  เราเป็นพยานถึงการหลั่งเทการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องที่ศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผยได้รับ พูดถึง และยืนยันเพื่อเร่งงานแห่งความรอดของพระเจ้าทั้งสองด้านของม่าน มีความเร่งด่วนในการช่วยเหลืออนุชนรุ่นหลังให้ก้าวไปข้างหน้าและก้าวขึ้นไปในการเตรียมทำพันธกิจที่แต่งตั้งพวกเขาไว้ล่วงหน้าให้มาทำบนโลกนี้

การเปลี่ยนแปลงหลักๆ ประการหนึ่งของโปรแกรมเด็กและเยาวชนคือการให้เยาวชนคนหนุ่มสาวของเรามีอิสระในการตั้งเป้าหมายที่เหมาะกับตนเพื่อติดตามพระเยซูผู้ “เจริญขึ้นในด้านสติปัญญาและด้านร่างกาย เป็นที่ชอบต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าคนทั้งหลายด้วย”1 พระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นต้นแบบที่ดีพร้อมของความชอบธรรมทั้งมวล  การฟังและการติดตามพระเยซูเป็นทางเดียวที่จะกลับไปที่ประทับของพระบิดาบนสวรรค์ของเรา  เมื่อเด็กฝึกทำการเลือกด้วยตนเองตามการชี้นำของบิดามารดาและผู้นำศาสนจักร พวกเขาเริ่มสร้างแบบฉบับในช่วงวัยที่พวกเขาพัฒนาบุคลิกภาพ  แม้จะอยู่ในโลกที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเขาสามารถฝึกทำการตัดสินใจโดยยึดแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นหลัก

บิดามารดาจะเป็นแหล่งแรกของแรงจูงใจและความช่วยเหลือเพื่อความสำเร็จของบุตรธิดา ศาสดาพยากรณ์ยุคสุดท้ายเน้นเรื่องสำคัญนี้มานานต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน:

“…การเรียนพระกิตติคุณ สิทธิพิเศษในการรับใช้ การพัฒนาตนเอง และกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น  โครงการนี้เริ่มต้นที่บ้าน  บิดามารดามีหน้าที่รับผิดชอบอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะสอนบุตรธิดาในแสงสว่างและความจริง  ผู้นำศาสนจักรให้การสนับสนุนและการนำทางที่มีคุณค่าต่อเด็ก เยาวชน และครอบครัวของพวกเขา”2

ผู้นำฐานะปุโรหิตสนับสนุนบิดามารดาในบทบาทสำคัญของพวกเขา:

“…ในแต่ละวอร์ด [หรือสาขากองทัพเยาวชนของพระเจ้านำโดยอธิการ [หรือประธานสาขาผู้รับใช้ที่อุทิศตนของพระผู้เป็นเจ้า  ความรับผิดชอบสำคัญที่สุดอันดับแรกของเขาคือดูแลเยาวชนชายและเยาวชนหญิงในวอร์ด [หรือสาขา]”3

การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เด็กและเยาวชน

โดยผ่านความพยายามร่วมกันนี้ของ 1) การตั้งเป้าหมายส่วนตัว 2) การชี้นำของบิดามารดา และ 3) การนำของฐานะปุโรหิต เด็กและเยาวชนของเราจะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นขณะพวกเขาก้าวหน้าตามเส้นทางพันธสัญญาของพระเจ้า

มีเป้าหมายที่คู่ควรมากมายที่เด็กและเยาวชนสามารถตั้งและทำให้บรรลุด้วยตนเอง  แต่เป้าหมายใหญ่สุดเป้าหมายหนึ่งซึ่งจะมีความสำคัญทางวิญญาณอย่างลึกซึ้งในชีวิตพวกเขาคือการดำเนินชีวิตและมีคุณสมบัติคู่ควรถือใบรับรองพระวิหารที่ถูกต้อง นับเป็นพรอย่างยิ่งที่รู้ว่า “เยาวชนหญิงและเยาวชนชายที่ได้รับแต่งตั้งจะเริ่มมีสิทธิ์ถือใบรับรองพระวิหารแบบจำกัดการใช้ตั้งแต่เดือนมกราคมของปีที่พวกเขาอายุครบ 12 ปี”4  พวกเขาสามารถเข้าพระนิเวศน์ของพระเจ้าเพื่อทำงานแทนผู้วายชนม์ที่เป็นญาติของพวกเขา  การประกอบศาสนพิธีพระวิหารจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนกำลังทำงานร่วมกับพระผู้ช่วยให้รอดตามที่พยากรณ์ไว้แต่โบราณว่า “…พวกกู้ชาติจะขึ้นไปที่ภูเขาศิโยน…”5  พวกเขาสามารถตั้งตารอวันที่พวกเขาจะได้รับเอ็นดาวเม้นท์พระวิหารของตนเช่นกันหลังจากได้รับจดหมายเรียกเป็นผู้สอนศาสนาจากศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ และช่วยรวบรวมอิสราเอลต่อจากนั้นในการนมัสการที่พระวิหารตลอดชีวิตของพวกเขา

เวลาใดก็ตาม ที่ท่านทำ สิ่งใดก็ตาม ที่ช่วยให้ ใครก็ตาม—จากทั้งสองด้านของม่าน—ก้าวไปสู่การทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าและรับบัพติศมาและศาสนพิธีพระวิหารที่จำเป็น ท่านกำลังช่วยรวบรวมอิสราเอล  เป็นเรื่องที่เรียบง่ายอย่างยิ่ง”6

“ใครก็ตาม” หมายรวมถึงตัวท่าน ผู้วายชนม์ที่เป็นญาติของท่าน และใครก็ตามที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน

แม้ไม่มีพระวิหารในประเทศของเยาวชนของเรา แต่พวกเขาทราบว่าการได้ใบรับรองพระวิหารเป็นวิธีหนึ่งในการ “ฟังพระองค์!”7  นั่นจะเป็นสิ่งเตือนใจพวกเขาว่าการฟังพระองค์คือการดำเนินชีวิตให้บริสุทธิ์ดีงามอันเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาบัพติศมาอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา

“ผู้ใดจะขึ้นไปบนภูเขาของพระยาห์เวห์? และผู้ใดจะยืนอยู่ในสถานนมัสการของพระองค์?คือผู้ที่มีมือสะอาดและใจบริสุทธิ์…”8


“ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีถ้าบิดามารดาทุกคู่จะมีภาพพระวิหารในห้องนอนทุกห้องในบ้านของพวกเขาเพื่อให้บุตรธิดาเห็นภาพนั้นทุกวันตั้งแต่วันที่พวกเขาเป็นทารกและพระวิหารกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา เมื่อพวกเขาถึงวัยที่ต้องทำการตัดสินใจครั้งสำคัญมากนี้ การตัดสินใจนี้ได้ทำไว้แล้ว”

The Teachings of Spencer W Kimball (1982), 301

วิธีหนึ่งที่จะเสริมความสำคัญของการทำให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลางของชีวิตพวกเขาผ่านการนมัสการในพระวิหารคือการทำตามคำแนะนำที่ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ให้ไว้

“ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีถ้าบิดามารดาทุกคู่จะมีภาพพระวิหารในห้องนอนทุกห้องในบ้านของพวกเขาเพื่อให้บุตรธิดาเห็นภาพนั้นทุกวันตั้งแต่วันที่พวกเขาเป็นทารกและพระวิหารกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา  เมื่อพวกเขาถึงวัยที่ต้องทำการตัดสินใจครั้งสำคัญมากนี้ การตัดสินใจนี้ได้ทำไว้แล้ว”9

ในฐานะบิดามารดาและผู้นำ เรามีความรับผิดชอบทางศีลธรรมต่อความผาสุกของอนุชนรุ่นหลัง  เราต้องช่วยให้พวกเขาเติบโต พัฒนา และบรรลุพันธกิจที่แต่งตั้งพวกเขาไว้ล่วงหน้า แต่เราต้องดำเนินชีวิตให้มีค่าควรและถือใบรับรองพระวิหารที่ถูกต้องก่อน  ต่อจากนั้นเราจึงจะสอนพวกเขาได้ด้วย “พลังอำนาจและสิทธิอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า”10 ว่าพระคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางของชีวิตเราจริงๆ  การเน้นเรื่องการนมัสการในพระวิหารจะทำให้ดวงตาเราเห็นแก่รัศมีภาพของพระองค์อย่างเดียวและฝังคำสอนของพระคริสต์ “…ไม่ว่าโดยเสียงของเราเองหรือโดยเสียงของผู้รับใช้ทั้งหลายของเรา…”11 ไว้ในใจเราและความคิดของเรา

“และพวกเขาตั้งกระโจมของตนอยู่รอบพระวิหาร, โดยที่ชายทุกคนตั้งกระโจมให้ประตูหันไปยังพระวิหาร, เพื่อโดยการนั้นพวกเขาจะได้อยู่ในกระโจมของตนและฟังถ้อยคำที่กษัตริย์เบ็นจามินจะพูดกับพวกเขา”12

 

อ้างอิง

1.     ลูกา 2:52.

2.     คำนำโดยฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองใน เด็กและเยาวชนของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย—แนวทางเบื้องต้นสำหรับบิดามารดาและผู้นำ.   

3.     ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พยาน โควรัมฐานะปุโรหิตแห่งอาโรน และชั้นเรียนเยาวชนหญิง,” การประชุมใหญ่สามัญ, ตุลาคม 2019.

4.     จดหมายจากฝ่ายประธานสูงสุดถึงศาสนจักร, “ความก้าวหน้าตามกลุ่มอายุสำหรับเด็กและเยาวชน,” 14 ธันวาคม 2018.

5.     โอบาดีห์ 1:21. 

6.     ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ความหวังอิสราเอล,” การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับเยาวชนทั่วโลก, 3 มิ.ย. 2018

7.     โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:17.

8.     สดุดี 24:3-4. 

9.     The Teachings of Spencer W Kimball (1982), 301.

10.  แอลมา 17:3

11.  คพ. 1:38

12.  โมไซยาห์ 2:6.