ในปี 2020 ที่ผิดธรรมดามากนี้ ทุกชีวิตล้วนได้รับผลกระทบจากการระบาดทั่วโลกอันเกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 ขณะที่บุตรธิดาจำนวนมากของพระผู้เป็นเจ้าต่อสู้ดิ้นรนกับความเจ็บป่วยของตนเอง การสูญเสียงานอาชีพและความวิตกกังวล แม้กระทั่งความตายของบุคคลอันเป็นที่รัก เราอาจสงสัยว่าเราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้โลกน่าอยู่ขึ้น
ข้าพเจ้าปรารถนาจะรู้จักแต่ละท่านเป็นการส่วนตัว ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านทราบว่าเอ็ลเดอร์เมอร์ส เอ็ลเดอร์โฮเมอร์ และข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนให้ท่านประหนึ่งเรารู้จักท่านเป็นส่วนตัว เราเพิ่มชื่อท่านและอุดมการณ์ของท่านไว้ในรายชื่อสวดอ้อนวอนของพระวิหาร แม้ถึงกับขอให้ฝ่ายประธานสูงสุดและอัครสาวกสิบสองระลึกถึงท่านในการสวดอ้อนวอนของพวกท่านด้วย เราร้องไห้กับท่านบางคนเมื่อทราบเรื่องการสูญเสียของท่านในช่วงเวลาที่ผิดธรรมดานี้ ตลอดปีนี้ข้าพเจ้าชื่นชมเมื่อเห็นคนมากมายจดจำพันธสัญญาของพวกเขาที่จะ “… แบกภาระของกันและกัน, เพื่อมันจะได้เบา … และ … โศกเศร้ากับคนที่โศกเศร้า … และปลอบโยนคนที่ต้องการการปลอบโยน, และยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาและในทุกสิ่ง, และในทุกแห่ง …”1 รวมทั้งในยามที่ศรัทธาถูกทดสอบและสภาวการณ์ยากลำบาก
ข้าพเจ้านึกถึงประธานแซมสัน ภัทราช ผู้ดำเนินชีวิตอย่างซื่อสัตย์ขณะพยายามทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น ตอนที่เขาเสียชีวิตกะทันหันเพราะโควิด-19 เขากำลังรับใช้เป็นที่ปรึกษาในฝ่ายประธานสเตคเบงกาลูรู อินเดีย เขาอายุเพียง 57 ปีและทิ้งจูดี้ภรรยาผู้แสนดีกับลูกสาววัยรุ่นที่น่ารักสองคนไว้เบื้องหลัง บราเดอร์แซมสันรับบัพติศมาเป็นหนึ่งในสมาชิกรุ่นแรกของศาสนจักรในอินเดียปี 1984 เมื่ออายุ 21 ปี ในปี 1986 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นเอ็ลเดอร์และไม่นานก็เริ่มรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลา หลายคนเปลี่ยนใจเลื่อมใสผ่านการสอนและอิทธิพลของเขา ในปี 2002 เขากับจูดี้ที่รักแต่งงานและผนึกกันในพระวิหารฮ่องกง และมีลูกสาวผู้น่ารักสองคนจากการแต่งงานครั้งนี้ ประธานแซมสันรับใช้อย่างซื่อสัตย์และเป็นแบบอย่างให้แก่คนจำนวนมาก
“ความสำนึกคุณละเว้นเราจากความเศร้าโศกเสียใจ ความทุกข์ใจและความเจ็บปวดไหม? ไม่ แต่มันบรรเทาความรู้สึกเรา ช่วยให้เรามีมุมมองที่ดีขึ้นต่อจุดประสงค์และปีติในชีวิต”
20 พฤศจิกายน 2020 Church Newsroom, “The Prophet Releases a Message on the Healing Power of Gratitude.
ตอนที่ข้าพเจ้ารู้จักประธานและซิสเตอร์แซมสัน ข้าพเจ้าทราบว่าพวกเขามีปีติในชีวิตรวมทั้งความผิดหวังพอสมควรอันเกี่ยวเนื่องกับประสบการณ์มรรตัยนี้ร่วมกัน แต่ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขารักกันและพบวิธีจุนเจือครอบครัว รักลูกๆ รับใช้เพื่อนมนุษย์ และทำหน้าที่การเรียกที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ในศาสนจักรให้เกิดสัมฤทธิผล แม้จะมีความดีงามในชีวิต แต่วันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ. 2020 ประธานแซมสันถูกเรียกกลับ “บ้านไปสู่พระผู้เป็นเจ้าองค์นั้นผู้ประทานชีวิตให้ [เขา]”2 และกลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์ของเขา การทดสอบของเขาสิ้นสุดลง โอกาสและความท้าทายของเราตอนนี้คือรักให้มากพอ สำนึกคุณให้มากพอ และซื่อสัตย์ให้มากพอเพื่อเราจะสามารถไปสมทบกับเขาและอยู่ด้วยกันตลอดไป
ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟตั้งข้อสังเกตว่า:
“ไม่ช้าก็เร็ว ข้าพเจ้าเชื่อว่าเราทุกคนต้องประสบช่วงเวลาที่ผืนโลกของเราขาดสะบั้นไม่มีชิ้นดี ทิ้งให้เราเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย คับข้องใจ และเคว้งคว้าง
สิ่งนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่มีใครรอดพ้น
สถานการณ์ของทุกคนแตกต่างกัน และรายละเอียดของชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน กระนั้นก็ตาม เราเรียนรู้มาแล้วว่ามีบางสิ่งที่จะระงับความขมขื่นซึ่งอาจเข้ามาในชีวิตเรา…
ในฐานะสานุศิษย์ของพระคริสต์ เราได้รับบัญชาให้ ‘ขอบพระทัยพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้า [ของเรา] ในทุกสิ่ง’ “ร้องเพลงถวายแด่พระยาห์เวห์ด้วยใจขอบพระคุณ” และ “ให้ใจ [ของเรา] เต็มไปด้วยความขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้า’”3
ในคำปราศรัยการประชุมใหญ่สามัญเดียวกัน ประธานอุคท์ดอร์ฟสัญญาว่า “พระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักทรงทราบว่าการเลือกพัฒนาวิญญาณแห่งความสำนึกคุณจะนำเราไปสู่ปีติที่แท้จริงและความสุขอันล้นเหลือ”
ประธานเนลสันสัญญาพรเดียวกันเมื่อเราแสดงความสำนึกคุณต่อพรมากมายในชีวิตเรา
“ตลอดเก้าทศวรรษครึ่งของชีวิต ข้าพเจ้าสรุปได้ว่าการนับพระพรนั้นดีกว่าการย้อนนับปัญหาของเรายิ่งนัก ไม่ว่าสภาวการณ์จะเป็นอย่างไร การแสดงความสำนึกคุณสำหรับสิทธิพิเศษที่เราได้รับเป็นยาทางวิญญาณที่เห็นผลเร็วและยั่งยืน
“ความสำนึกคุณละเว้นเราจากความเศร้าโศกเสียใจ ความทุกข์ใจและความเจ็บปวดไหม?ไม่ แต่มันบรรเทาความรู้สึกเรา ช่วยให้เรามีมุมมองที่ดีขึ้นต่อจุดประสงค์และปีติในชีวิต”4
แม้จะมีหลายวิธีที่เราสามารถทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นได้ แต่ขอให้เราเริ่มโดยแสดงความสำนึกคุณสำหรับพรของเรา เราสามารถถวายการสวดอ้อนวอนด้วยความสำนึกคุณร่วมกับประธานเนลสันและสำนึกคุณต่อสิ่งที่เรามี แทนที่จะจดจ่อกับสิ่งที่เราไม่มี เราสามารถขอความช่วยเหลือจากสวรรค์เพื่อบรรลุผลในพันธสัญญาบัพติศมาของเราที่จะช่วยเหลือผู้อื่นตลอดชีวิตและยืนเป็นพยานของพระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาและในทุกสภาวการณ์ แม้เมื่อสภาวการณ์ของเรายากลำบาก ขอให้เราสำนึกคุณต่อพระผู้เป็นเจ้าสำหรับชีวิต บุคคลที่เรารัก ประจักษ์พยานของเรา และพระกิตติคุณ ขอให้เราชื่นชมยินดีในพรของการรู้ว่าชีวิตนี้เป็นเพียงฤดูกาลสั้นๆ และถ้าเรา “อดทนมันด้วยดี”5 เราจะได้รับพรทุกประการ รวมทั้งชีวิตนิรันดร์กับครอบครัวเรา
ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงพรของความสำนึกคุณใน “ในทุกสิ่ง”6 ข้าพเจ้าเป็นพยานและสัญญาว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงเยียวยาใจที่ชอกช้ำแต่ละดวงและจัดเตรียมทางข้างหน้าในชีวิตเราเมื่อเรารักและรับใช้กัน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กัน และแสดงความสำนึกคุณต่อพระผู้เป็นเจ้าสำหรับสิ่งที่เรามี
อ้างอิง
[1] โมไซยาห์ 18:8-9
3 การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2014 ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ “สำนึกคุณในทุกสภาวการณ์”
4 20 พฤศจิกายน 2020 Church Newsroom, “The Prophet Releases a Message on the Healing Power of Gratitude.”
6 คพ. 59:7