ศาสดาพยากรณ์นำเราไปหาพระคริสต์

 

“ข้าพเจ้าทราบว่าเมื่อเราทำตามคำสอนที่ได้รับการดลใจของศาสดาพยากรณ์อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะคำสอนที่ไม่ถูกใจเราหรือยาก เราจะได้รับพรมากมาย พระเจ้าจะทรงนำปาฏิหาริย์ที่ทรงทราบว่าเราต้องการเข้ามาในชีวิตเรา  การเปลี่ยนแปลงในครอบครัวเราจะเกิดขึ้นฉับพลันและยั่งยืน  อิทธิพลของปฏิปักษ์ในชีวิตเราและในบ้านเราจะลดลงเช่นกัน7  และทั้งหมดนี้จะทำให้เราเข้าใกล้พระคริสต์มากขึ้นและเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น”

เอ็ลเดอร์ติงเฉิง จาง
เอ็ลเดอร์ติงเฉิง จาง แห่งสาวกเจ็ดสิบ

บิดามารดาข้าพเจ้ารับบัพติศมาในปี 1963 เมื่อข้าพเจ้าอายุหกขวบ  ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ทราบแต่ตอนนี้ทราบว่าการเลือกของพวกท่านเปลี่ยนชีวิตข้าพเจ้าตลอดกาล  พวกท่านนำข้าพเจ้ากับพี่ๆ น้องๆ ผ่านแบบอย่างและคำสอนของพวกท่าน ให้เรียนรู้และดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ  พวกท่านแสดงให้เห็นบ่อยครั้งเช่นกันว่าท่านเคารพและรักศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่  จริงๆ แล้วคำสอนของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อข้าพเจ้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธเรื่อยมาจนถึงศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ปัจจุบัน ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน

 

พระเจ้าทรงเลือกศาสดาพยากรณ์เป็นตัวแทนของพระองค์บนโลกนี้  ดังที่ระบุไว้ในอาโมส 3:7 “แท้จริงแล้วพระยาห์เวห์องค์เจ้านายไม่ทรงทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยไม่เปิดเผยความลี้ลับให้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์คือผู้เผยพระวจนะ” เราช่างโชคดีเหลือเกิน!  เรารู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงสื่อสารกับศาสนจักรผ่านศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ในปัจจุบัน  เมื่อศาสดาพยากรณ์พูดแทนพระผู้เป็นเจ้า นั่นเหมือนกับว่าพระผู้เป็นเจ้ากำลังตรัส “…คำของเราจะไม่สูญสิ้นไป, แต่จะเกิดสัมฤทธิผลทั้งหมด, ไม่ว่าโดยเสียงของเราเองหรือโดยเสียงของผู้รับใช้ทั้งหลายของเรา, ก็เหมือนกัน”1

 

เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็นกล่าวว่า “บทบาทสำคัญที่สุดของศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าคือสอนเราถึงพระผู้ช่วยให้รอดและนำเราไปหาพระองค์”2

 

นี่ทำให้เกิดคำถามว่า ศาสดาพยากรณ์นำลูกๆ ของพระผู้เป็นเจ้าไปหาพระคริสต์ด้วยวิธีใด?


“บทบาทสำคัญที่สุดของศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าคือสอนเราถึงพระผู้ช่วยให้รอดและนำเราไปหาพระองค์”

เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น

วิธีหนึ่งคือศาสดาพยากรณ์เป็นพยานพิเศษสำหรับพระคริสต์  ท่านเหล่านั้นเป็นพยานถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์และสอนพระกิตติคุณของพระองค์  ข่าวสารอันทรงพลังที่สุดเรื่องหนึ่งซึ่งทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกรัก ภักดี และกตัญญูต่อพระเจ้ามากคือประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์แอลมาในแอลมา 7:11-13:

 

“และพระองค์จะเสด็จออกไป, ทรงทนความเจ็บปวดและความทุกข์และการล่อลวงทุกอย่าง; และนี่ก็เพื่อคำซึ่งกล่าวว่าพระองค์จะทรงรับความเจ็บปวดและความป่วยไข้ของผู้คนของพระองค์จะได้เกิดสัมฤทธิผล.

 

“และพระองค์จะทรงรับเอาความตาย, เพื่อพระองค์จะทรงทำให้สายรัดแห่งความตายที่ผูกมัดผู้คนของพระองค์หลุดออก; และพระองค์จะทรงรับเอาความทุพพลภาพของพวกเขา, เพื่ออุทรของพระองค์จะเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาตามเนื้อหนัง, เพื่อพระองค์จะทรงรู้ตามเนื้อหนังว่าจะทรงช่วยผู้คนของพระองค์ตามความทุพพลภาพของพวกเขาได้อย่างไร.

 

“บัดนี้พระวิญญาณทรงรู้ทุกสิ่งกระนั้นก็ตามพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้ายังทรงรับทุกขเวทนาตามเนื้อหนังเพื่อพระองค์จะทรงรับเอาบาปของผู้คนของพระองค์, เพื่อพระองค์จะทรงลบการล่วงละเมิดของพวกเขาตามพระพลานุภาพแห่งการปลดปล่อยของพระองค์;และบัดนี้ดูเถิด, นี่คือประจักษ์พยานซึ่งอยู่ในข้าพเจ้า.”

 

อีกวิธีหนึ่งคือศาสดาพยากรณ์เรียกให้เรากลับใจ  ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธให้พระดำรัสแนะนำของพระเจ้าแก่เราดังนี้ “อย่ากล่าวอะไรเลยนอกจากการกลับใจแก่คนรุ่นนี้”3  ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนเช่นกันว่า “เมื่อเราเลือกกลับใจ เราเลือกที่จะเปลี่ยนแปลง!  เรายอมให้พระผู้ช่วยให้รอดทรงเปลี่ยนเราเป็นตัวเราเองในแบบที่ดีที่สุด  เราเลือกเติบโตทางวิญญาณและรับปีติ—ปีติแห่งการไถ่ในพระองค์  เมื่อเราเลือกกลับใจ เราเลือกที่จะเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้น!4

 

และสุดท้าย ศาสดาพยากรณ์ได้รับการเปิดเผยและการนำทางจากพระเจ้าเพื่อประโยชน์ของเรา  ท่านเหล่านั้นอาจมองเห็นอนาคตและทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเพื่อเตือนโลก  อีกทั้งเป็นยามบนหอสูงคอยป้องกันเราจากอันตรายทางวิญญาณที่เราอาจมองไม่เห็นด้วย  พระเจ้าตรัสกับเอเสเคียลว่า “เราได้ตั้งเจ้าให้เป็นคนยามสำหรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล และเมื่อเจ้าได้ยินถ้อยคำจากปากเรา เจ้าจงเตือนพวกเขาแทนเรา”5

 

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าประธานเนลสันเป็นศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกในปัจจุบัน  ข้าพเจ้าสำนึกคุณที่เรามีการเปิดเผยต่อเนื่องจากท่าน เช่น การรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์ การปฏิบัติศาสนกิจในวิธีที่สูงกว่าและศักดิ์สิทธิ์กว่า การสถาปนาการเรียนรู้พระกิตติคุณที่มีบ้านเป็นศูนย์กลาง การเสริมสร้างศรัทธาของอนุชนรุ่นหลัง การรวบรวมอิสราเอลทั้งสองด้านของม่าน การทำและรักษาพันธสัญญากับพระเจ้า

 

ศาสดาพยากรณ์นำเราไปหาพระคริสต์

พระเจ้าทรงสัญญาว่า “เพราะคำของเขาเจ้าจงรับ, ราวกับมาจากปากของเราเอง, ด้วยความอดทนอย่างที่สุดและศรัทธา. เพราะโดยทำสิ่งเหล่านี้ประตูแห่งนรกจะเอาชนะเจ้าไม่ได้แท้จริงแล้ว, และพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้พลังแห่งความมืดกระจายไปต่อหน้าเจ้า, และทำให้ฟ้าสวรรค์สั่นสะเทือนเพื่อความดีของเจ้า, และรัศมีภาพของพระนามของพระองค์.”6

 

ข้าพเจ้าทราบว่าเมื่อเราทำตามคำสอนที่ได้รับการดลใจของศาสดาพยากรณ์อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะคำสอนที่ไม่ถูกใจเราหรือยาก เราจะได้รับพรมากมาย พระเจ้าจะทรงนำปาฏิหาริย์ที่ทรงทราบว่าเราต้องการเข้ามาในชีวิตเรา  การเปลี่ยนแปลงในครอบครัวเราจะเกิดขึ้นฉับพลันและยั่งยืน  อิทธิพลของปฏิปักษ์ในชีวิตเราและในบ้านเราจะลดลงเช่นกัน7  และทั้งหมดนี้จะทำให้เราเข้าใกล้พระคริสต์มากขึ้นและเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น

 

“…เรารู้ว่าในเวลาที่พระองค์จะเสด็จมาปรากฏนั้น เราจะเป็นเหมือนอย่างพระองค์ เพราะว่าเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอยู่นั้น และทุกคนที่มีความหวังอย่างนี้ในพระองค์ ก็ชำระตนให้บริสุทธิ์เหมือนที่ [พระคริสต์ทรงบริสุทธิ์”8  “…อย่าให้ใครชักจูงท่านให้หลง ผู้ที่ประพฤติชอบก็ชอบธรรมเหมือนอย่างที่ [พระคริสต์] ทรงชอบธรรม”9

 

อ้างอิง:

 

  1. คพ. 1:38
  2. ศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า” โดย เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2018
  3. คพ. 6:9
  4. เราสามารถทำได้ดีขึ้นและเป็นคนดีขึ้น” โดย ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, การประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2019
  5. พระคัมภีร์ไบเบิล, เอเสเคียล 33:7
  6. คพ. 21:5-6
  7. การเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่เป็นแบบอย่าง” โดย ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2018
  8. พระคัมภีร์ไบเบิล, 1 ยอห์น 3:2-3
  9. พระคัมภีร์ไบเบิล, 1 ยอห์น 3:7