ปีนี้เป็นปีครบรอบ 179 ปีของสมาคมสงเคราะห์ของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย
จากการเริ่มต้นอันอ่อนน้อมโดยมีสตรีวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเพียงยี่สิบคนในนอวู รัฐอิลลินอยส์ในปี 1842 สมาคมสงเคราะห์ได้เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในองค์กรสตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก สตรีวิสุทธิชนยุคสุดท้ายกว่าเจ็ดล้านคนใน 190 ประเทศและดินแดนทั่วโลกต่างรับใช้ดั่งพระคริสต์ต่อครอบครัว ชุมชน และศาสนจักรในแต่ละวัน ในช่วงการระบาดใหญ่ พี่น้องสตรีทั่วโลกได้ทำและบริจาคหน้ากากอนามัย กระเป๋าอนามัย ชุดข้าวของเอื้ออาทร และอุปกรณ์ป้องกันภัยให้แก่ชุมชนและผู้คนที่พวกเธอรัก หลายชีวิตต่างได้รับพรจากการรับใช้ที่เปี่ยมด้วยจิตกุศลและไม่คำนึงถึงตนเองของพี่น้องสตรีเหล่านี้ ทั่วทั้งโลกต่างสัมผัสถึงอิทธิพลอันทรงพลังของพวกเธอรวมถึงพรที่มาจากใจเปี่ยมรัก เวลา และการสัมผัสของพวกเธอ
ในพระคัมภีร์เล่มต่างๆ มีแบบอย่างของสตรีชอบธรรมมากมายในด้านอิทธิพลอันทรงพลัง เอสเธอร์เป็นสตรีกล้าหาญที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เกิดในช่วง “ยามวิกฤต” เพื่อช่วยผู้คนในพันธสัญญาของพระองค์ให้รอด (เอสเธอร์4:14) ทาบิธาเป็นผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสชาวคริสต์เปี่ยมล้นด้วยศรัทธาในเมืองยัฟฟา ผู้ซึ่งช่วยเหลือผู้คนเป็นอันมาก ซึ่งในพระคัมภีร์ได้จารึกยกย่องเธอในประวัติศาสตร์ว่า “ทำคุณประโยชน์และสงเคราะห์คนจนมากมาย” อัครสาวกเปโตรทำให้เธอคืนชีพและภายหลังจากนั้น “คนจำนวนมากก็พากันมาเชื่อถือองค์พระผู้เป็นเจ้า” (ดู กิจการของอัครทูต 9: 36-43) เอบิช ผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยชาวเลมัน มีบทบาทสำคัญในการนำพวกพ้องชาวเลมันหลายพันคน “เข้าถึงความรู้เรื่องพระเจ้า” (แอลมา 23:5) เหล่ามารดาที่ชอบธรรมของนักรบหนุ่ม 2,000 คนเลี้ยงดูบุตรชายที่ซื่อสัตย์และภักดีรุ่นหนึ่งซึ่งเข้าร่วมกองทัพชาวนีไฟ ต่อสู้อย่างกล้าหาญ ได้รับบาดเจ็บเป็นอันมาก แต่ไม่เคยถูกสังหาร มารดาของพวกเขาสอนว่า “หากพวกเขาไม่สงสัย, พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปลดปล่อยพวกเขา” และบรรดาบุตรที่ศรัทธาได้รับการเพิ่มพูนและคุ้มครองกล่าวต่อฮีลามัน“เราไม่สงสัยเลยว่ามารดาของเรารู้เรื่องนี้” (แอลมา 56:48) ปัจจุบันนี้ ท่ามกลางเรายังคงมีเอสเธอร์ ทาบิธา เอบิช และมารดาที่ชอบธรรมดังมารดาของนักรบชายหนุ่มเหล่านั้น
“ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่มีความเฉพาะตัว น่าทะนุถนอม หรือเปลี่ยนแปลงชีวิต เทียบเท่ากับอิทธิพลของสตรีผู้ชอบธรรม”
ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด
เมื่อหลายปีก่อน ข้าพเจ้าได้ยินการสนทนาระหว่างพี่น้องสตรีสองท่านหลังจากกิจกรรมการเรียนรู้ของสมาคมสงเคราะห์จบลง พี่น้องสตรีท่านหนึ่งถามที่ปรึกษาสมาคมสงเคราะห์ว่าเธอจะนำของที่ทำเสร็จแล้วกลับบ้านเพิ่มอีกหนึ่งชิ้นได้หรือไม่ ที่ปรึกษาท่านนั้นบอกว่า “ได้แน่นอนค่ะ! คุณจะให้ใครหรือคะ?” เธอตอบกลับว่า “ซิสเตอร์ที่ดิฉันปฏิบัติศาสนกิจไม่ได้มาคืนนี้ ดิฉันอยากจะนำชิ้นหนึ่งไปให้เธอเพราะคิดว่าเธอน่าจะชอบ” พี่น้องสตรีท่านนี้ช่างเหมือนนางฟ้าจริงๆ! ประมาณสองปีที่แล้ว ข้าพเจ้าไปเยี่ยมพี่น้องสตรีท่านหนึ่งในเอเชีย เธอรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ให้ข้าพเจ้าดูบันทึกการสืบลำดับเชื้อสายที่เธอรวบรวมและมีชื่อเป็นหมื่นๆ ชื่อ เธอบอกข้าพเจ้าว่าทุกครั้งที่เธอนำชื่อเหล่านี้ไปพระวิหาร เธอรู้สึกถึงปีติอย่างมากเพราะเธอรู้ว่าบรรพชนของเธอสามารถรับศาสนพิธีแห่งความรอดแบบเดียวกับที่เธอได้รับ นี่เป็นเพียงสองตัวอย่าง เราสามารถเพิ่มจำนวนแบบอย่างที่ดีด้านการเป็นอิทธิพลอันทรงพลังของสตรีที่ชอบธรรมท่านอื่นๆ ในปัจจุบันได้
ประธานเนลสันสอนว่า “คงเป็นไปไม่ได้ที่จะวัดอิทธิพลที่...สตรีมี ไม่เฉพาะต่อครอบครัวเท่านั้นแต่ต่อศาสนจักรของพระเจ้าด้วย ในฐานะภรรยา สตรี และคุณย่าคุณยาย ในฐานะพี่สาวน้องสาว และคุณป้าคุณน้า ในฐานะครูและผู้นำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะแบบอย่างอันเยี่ยมยอดและผู้อุทิศตนปกป้องศรัทธา...” 1
ในทำนองเดียวกัน เอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง บอกพี่น้องสตรีว่าพวกเธอมีความสำคัญอย่างไรในงานแห่งความรอดโดยกล่าวว่า “ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่มีความเฉพาะตัว น่าทะนุถนอม หรือเปลี่ยนแปลงชีวิต เทียบเท่ากับอิทธิพลของสตรีผู้ชอบธรรม” 2
ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ในชุมชน หรือในศาสนจักร สตรีที่กล้าหาญมีความสำคัญยิ่งในงานแห่งความรอด แต่ละคนนำความเข้มแข็งของตนเองที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์มาสู่ครอบครัวและศาสนจักร เอ็ลเดอร์ เจมส์ อี. เฟาสท์กล่าวเช่นนี้เกี่ยวกับสตรีในศาสนจักร
“ข้าพเจ้าไม่มีคำใดที่จะแสดงความเคารพ ยกย่อง และชื่นชมต่อท่าน เหล่าพี่น้องสตรีที่ยอดเยี่ยม สตรีทุกวัยในศาสนจักรนี้ได้รับมอบของประทานแห่งความสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นสตรี เรานอบน้อมต่อการกระทำแห่งศรัทธา การอุทิศตน การเชื่อฟัง และการรับใช้ด้วยความรัก ตลอดจนแบบอย่างความชอบธรรมของท่าน ศาสนจักรนี้ไม่สามารถบรรลุจุดหมายได้หากปราศจากสตรีที่ซื่อสัตย์และอุทิศตนซึ่งในความชอบธรรมของพวกเธอนั้นได้เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ศาสนจักรอย่างล้นเหลือ” 3
ข้าพเจ้าได้รับพรจากสตรีที่ยอดเยี่ยมมากมายในชีวิต: คุณย่าคุณยาย คุณแม่ ภรรยา พี่สาว น้องสาว ลูกสาว และบรรดาพี่น้องสตรีวิสุทธิชนยุคสุดท้ายท่านอื่นๆ สตรีทุกท่านเหล่านั้นช่วยให้ข้าพเจ้ากลายเป็นข้าพเจ้าในวันนี้และแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นว่าจะเป็นคนมีเมตตา เปี่ยมด้วยความรัก และมีจิตกุศลในทุกๆ ด้านอย่างไร
พี่น้องสตรีที่รัก ขอขอบคุณสำหรับแบบอย่างและการรับใช้อันยอดเยี่ยมของท่าน เรายังคงต้องการความเข้มแข็ง ศรัทธา ความรู้ความเข้าใจอันลึกซึ้ง และความเป็นผู้นำของท่านต่อไปในการเสริมสร้างอาณาจักรของพระเจ้า แบบอย่างอันชอบธรรมของท่านจะมีอิทธิพลต่อลูกๆ ครอบครัว ชุมชน และศาสนจักรเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าท่านจะมีการเรียกอะไรและจะอยู่แห่งหนใดก็ตาม
_________________________
1 รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “คำวิงวอนต่อพี่น้องสตรีของข้าพเจ้า,” เลียโฮนา, พฤศจิกายน, 2015.
2 เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด, “เหล่ามารดาและลูกสาว,” เลียโฮนา, พฤษภาคม, 2010.
3 เจมส์ อี. เฟาสท์, “สวรรค์ส่งพวกท่านมา,” เลียโฮนา, พฤศจิกายน, 2002.