ข่าวสารจากผู้นำภาคเอเชีย (February 2022)

เราเป็นผู้คนแห่งพันธสัญญา

“การเป็นผู้คนแห่งพันธสัญญาเป็นสิทธิพิเศษแต่ตามมาด้วยความรับผิดชอบ เป็นความรับผิดชอบซึ่งมากับพรที่สัญญาไว้”

เอ็ลเดอ จาโรต สุเบียนโทโร
เอ็ลเดอ จาโรต สุเบียนโทโร แห่งสาวกเจ็ดสิบ

เมื่อข้าพเจ้าได้รับการแนะนำสู่การเป็นชาวคริสต์ครั้งแรกที่โรงเรียน ข้าพเจ้าเรียนรู้เกี่ยวกับอิสราเอลในฐานะผู้คนแห่งพันธสัญญาและวิธีที่พวกเขาได้รับการนำทางสู่แผ่นดินที่สัญญาไว้ เวลานั้นข้าพเจ้ายังไม่เข้าใจว่าพันธสัญญาคืออะไรและเหตุใดเราจึงเรียกวิสุทธิชนยุคสุดท้ายว่าผู้คนแห่งพันธสัญญาจนกระทั่งข้าพเจ้าเข้าร่วมศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

 

พันธสัญญาคือข้อสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับมนุษย์ ซึ่งเมื่อเรารักษาไว้ จะนำมาซึ่งพรในชีวิตนี้ และในที่สุดนำเรากลับไปอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์ชั่วนิรันดร์ เมื่อเราทำส่วนของเราในข้อตกลงนี้ พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเติมเต็มคำสัญญาของพระองค์เช่นกัน ดังที่พระคัมภีร์สอนไว้ “เรา, พระเจ้า, ถูกผูกมัดเมื่อเจ้าทำสิ่งที่เรากล่าว; แต่เมื่อเจ้าไม่ทำสิ่งที่เรากล่าว, เจ้าย่อมไม่มีสัญญา.” [1]

 

นับจากกาลเริ่มต้น พระเจ้าทรงทำพันธสัญญากับบุตรธิดาของพระองค์บนแผ่นดินโลก อาดัมและอีฟทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าเพื่อ มีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน [2] พันธสัญญาที่เด่นชัดที่สุดครั้งหนึ่งคือพันธสัญญาระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับอับราฮัม หรือที่รู้จักกันว่าพันธสัญญาของอับราฮัม อับราฮัมได้รับพระกิตติคุณและได้รับแต่งตั้งเป็นมหาปุโรหิต เพราะความซื่อสัตย์ของท่าน พระเจ้าทรงสัญญากับอับราฮัมว่าโดยผ่านตัวท่านและพงศ์พันธุ์ของท่านครอบครัวทั้งหมดของแผ่นดินโลกจะได้รับพร [3]

 

เราไม่ใช่ส่วนหนึ่งในครอบครัวของแผ่นดินโลกหรือ? เราได้รับพรอย่างไรบ้างจากพันธสัญญาที่อับราฮัมทำไว้ในสมัยโบราณ?

 

คำสัญญานี้สำเร็จได้หลายวิธี:

  1. โดยผ่านพระเยซูคริสต์ พระอาจารย์และพระผู้ไถ่ของเรา ผู้มาทางเชื้อสายของอับราฮัม
  2. ผ่านทางฐานะปุโรหิตที่ประสาทแก่อับราฮัมและลูกหลานของท่าน
  3. โดยการกระจัดกระจายและการรวมอิสราเอล

เนื่องจากการกระจัดกระจายของอิสราเอลไปทั่วแผ่นดินโลก โลหิตของอิสราเอลจึงถูกโปรยลงท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และด้วยเหตุนี้ ทุกประชาชาติจึงมีสิทธิ์ได้รับคำสัญญาว่าจะรวบรวมอิสราเอลอีกครั้งในพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า โดยมีเงื่อนไขของการกลับใจ

  1. โดยการน้อมรับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ตามที่ได้รับการฟื้นฟูโดยท่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

พระเจ้าทรงทำพันธสัญญากับอับราฮัมว่าหลังจากเวลาของท่านแล้ว ทุกคนที่น้อมรับพระกิตติคุณควรได้รับเรียกตามชื่อของท่าน หรือควรนับไว้ในหมู่พงศ์พันธุ์ของท่าน และควรได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ [4]

 


“เรา, พระเจ้า, ถูกผูกมัดกเมื่อเจ้าทำสิ่งที่เรากล่าว; แต่เมื่อเจ้าไม่ทำสิ่งที่เรากล่าว, เจ้าย่อมไม่มีสัญญา.”

คพ. 82:10

ผู้ที่ไม่ใช่ลูกหลานของอับราฮัมและอิสราเอลจะต้องเป็นเช่นนั้น และเมื่อพวกเขารับบัพติศมาและการยืนยันจากผู้มีสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต พวกเขาได้รับการต่อกิ่งก้านในสาแหรกครอบครัวและมีสิทธิ์ได้รับสิทธิและสิทธิพิเศษทั้งหมดในฐานะทายาท

 

เมื่อเรารับบัพติศมาและการยืนยันเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เราทำพันธสัญญากับพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อรับพระนามของพระองค์ เพื่อระลึกถึงพระองค์และเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์เสมอ ในทางกลับกัน พระเจ้าทรงสัญญาว่าเราจะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อน เราต่อพันธสัญญานี้กับพระเจ้าเมื่อเรารับส่วนศีลระลึก เมื่อเรารับศาสนพิธีพระวิหาร เราทำพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์เช่นกันและได้รับคำสัญญาถึงความสูงส่งสำหรับการเชื่อฟังอย่างซื่อสัตย์ [6] “โดยการเชื่อฟังพระกิตติคุณ หรือการรับเป็นบุตรบุญธรรมโดยพระกิตติคุณ เราทุกคนต่างก็เป็นทายาทร่วมกับอับราฮัมและกับพงศ์พันธุ์ของท่าน ไม่ว่าเราจะสืบเชื้อสายมาจากเมลคีเซเดค จากเอโดม จากอิชมาเอล หรือว่าเราเป็นชาวยิวหรือคนต่างชาติ” [7]

 

การเป็นผู้คนในพันธสัญญาเป็นสิทธิพิเศษ แต่ก็เป็นความรับผิดชอบด้วย เป็นความรับผิดชอบที่มีพรอันประเสริฐที่สัญญาไว้ พระเยซูตรัสบอกชาวยิวว่าการเป็นเพียงเชื้อสายของอับราฮัมไม่เพียงพอสำหรับความรอดของพวกเขา พระเยซูทรงสอนว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของอับราฮัม ท่านก็จะทำงานของอับราฮัม” [8]

 

เราเป็นผู้คนแห่งพันธสัญญา

ระหว่างการอพยพของวิสุทธิชนไปทางทิศตะวันตกนำโดยบริคัม ยังก์ในปี 1846 พวกเขาได้รับคำเตือนให้เดินทาง “ด้วยพันธสัญญาและคำสัญญาว่าจะรักษาพระบัญญัติและกฎเกณฑ์ทั้งปวงของพระเจ้า”9 ทรงเตือนพวกเขาว่าความประพฤติระหว่างการเดินทางนั้นสำคัญเท่ากับจุดหมายปลายทางในการเดินทาง โดยเปลี่ยนการทดลองที่ยากลำบากนี้เป็นประสบการณ์ทางวิญญาณที่สำคัญร่วมกัน10

 

ข้าพเจ้าได้รับปิตุพรในปี 2001 สิบปีหลังจากข้าพเจ้ารับบัพติศมา และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อสายอิสราเอลของข้าพเจ้าเอง ไม่ว่าเชื้อสายของเราจะเป็นเชื้อสายแท้หรือเป็นเชื้อสายจากการรับเป็นบุตรบุญธรรม เรายังคงมีสิทธิ์ได้รับพรที่สัญญาไว้ผ่านอับราฮัม โดยมีเงื่อนไขคือความมีค่าควรและความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า

 

ข้าพเจ้าสำนึกคุณที่ได้พบพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูผ่านศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ การเข้าใจหลักคำสอนเรื่องการเป็นคนในพันธสัญญาช่วยให้ข้าพเจ้าดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณอย่างสม่ำเสมอ มุมมองนิรันดร์ที่สอน และการนำทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีผลอย่างลึกซึ้งในชีวิตข้าพเจ้า ขอให้เราได้รับการนำทางจากพระวิญญาณเสมอเพื่อเดินทางต่อไปในฐานะผู้คนแห่งพันธสัญญาที่แท้จริง

 


[1] คพ. 82:10.

[2] ปฐมกาล 1:28.

[3] อับราฮัม 2:11.

[4] Joseph Fielding Smith, Doctrines of Salvation, comp. Bruce R. McConkie (1955), 3:600.

[5] Joseph Fielding Smith, “How One May Become of the House of Israel,” Improvement Era, October 1923, 1149.

[6] ดู คพ. 132.

[7] Parley P. Pratt, Journal of Discourses, v. 1 p.262.

[8] ยอห์น 8:39.

[9] คพ. 136:2.

[10] See Chad M. Orton, “This Shall Be Our Covenant,” in Revelations in Context: The Stories behind the Sections of the Doctrine and Covenants (2016), 308.