ข่าวสารจากผู้นำภาคเอเชีย (March 2022)

ใช้การประชุมศีลระลึกให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“การประชุมศีลระลึกเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้ใกล้ชิดพระผู้ช่วยให้รอด  เพื่อให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจากประสบการณ์นี้ เราจะทำอะไรได้บ้างในการเตรียมตนเองให้ดียิ่งขึ้น”

เอ็ลเดอร์เบ็นจามิน เอ็ม. ซี. ไท
เอ็ลเดอร์เบ็นจามิน เอ็ม. ซี. ไท ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานภาคเอเชีย

หลายปีก่อน ข้าพเจ้ามีโอกาสไปแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ซึ่งพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ทรงพำนักและทรงสั่งสอน  เพื่อเป็นการเตรียมตัว ข้าพเจ้าศึกษาเกี่ยวกับพระชนม์ชีพของพระองค์และค้นคว้าว่าข้าพเจ้าต้องการไปเยี่ยมชมที่ใดบ้าง  เหตุการณ์สำคัญในการเดินทางของข้าพเจ้าคือการอ่านเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับการทนทุกข์ทรมานของพระเจ้าในสวนเกทเสมนีท่ามกลางต้นมะกอกเก่าแก่นอกกรุงเยรูซาเล็ม และการฟื้นคืนพระชนม์ที่อุโมงค์ฝังศพในสวน  ข้าพเจ้าเสร็จสิ้นการศึกษาช่วงสั้นๆ นั้นด้วยความตั้งใจที่จะติดตามพระผู้ช่วยให้รอด  กระบวนการเตรียม การมีส่วนร่วม และการปฏิบัติตามประสบการณ์เหล่านั้นเป็นพรแก่ชีวิตข้าพเจ้าอย่างยิ่ง

เราแต่ละคนมีโอกาสเดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นประจำซึ่งเราสามารถไตร่ตรองถึงพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอดและความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์  พระผู้ช่วยให้รอดทรงเชื้อเชิญให้เราประชุมกันบ่อยๆ เพื่อรับส่วนศีลระลึก [1] และสัญญาว่าจะอยู่ท่ามกลางพวกเรา [2] เมื่อเรารวมตัวกันเพื่อทำเช่นนั้น  เมื่อเราตอบรับคำเชื้อเชิญของพระองค์ เราจะพร้อมและได้รับการปกป้องจากความท้าทายในอนาคต [3]  เมื่อเรากลับใจและระลึกถึงพระองค์อย่างสม่ำเสมอ เราจะมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับเราตลอดเวลา [4]  เป็นเพราะศาสนพิธีศีลระลึกและพันธสัญญาที่เกี่ยวข้องกับพระผู้เป็นเจ้า การประชุมศีลระลึกเป็นการประชุมศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและสำคัญที่สุดในศาสนจักร [5]

การประชุมศีลระลึกเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้ใกล้ชิดพระผู้ช่วยให้รอด  เพื่อให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจากประสบการณ์นี้ เราจะทำอะไรได้บ้างในการเตรียมตนเองให้ดียิ่งขึ้น  เราจะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่มากขึ้นได้อย่างไร ประสบการณ์ศีลระลึกจะเป็นพรแก่เราต่อไปได้อย่างไร


เป็นเพราะศาสนพิธีศีลระลึกและพันธสัญญาที่เกี่ยวข้องกับพระผู้เป็นเจ้า การประชุมศีลระลึกเป็นการประชุมศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและสำคัญที่สุดในศาสนจักร

ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “การประชุมศีลระลึกและพิธีศีลระลึก”, การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2008

เตรียม
การเตรียมที่ดีสำหรับการประชุมศีลระลึกมักเริ่มก่อนวันสะบาโต  พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนว่าเราควรไตร่ตรองและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระวจนะของพระองค์ในบ้านของเราและเตรียมจิตใจของเราล่วงหน้า [6] เราเตรียมลูกหลานของเราให้พร้อมรับศีลระลึกโดยพูดคุยกับพวกเขาตลอดทั้งสัปดาห์เกี่ยวกับความหมายของศีลระลึกและวิธีที่พวกเขาจะใช้เวลานั้นเพื่อเรียนรู้ว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงทำสิ่งใดบ้างเพื่อพวกเขา  เราควรสำรวจตนเอง [7] และกำหนดว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตและต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้างจากพระเจ้า  เราสามารถจัดทำรายการคำถามเพื่อนำมาที่ประชุมและเตรียมฟังคำตอบในคำสวดอ้อนวอน เพลงสวด และข่าวสารที่นำเสนอที่นั่น เราสามารถถวายใจที่ชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิดของเราแด่พระเจ้า [8] โดยการกลับใจและแสวงหาการให้อภัยจากพระเจ้าสำหรับบาปของเราและให้อภัยผู้อื่นจากการล่วงละเมิดของพวกเขาต่อเรา  การเตรียมด้วยความตั้งใจช่วยให้เราได้รับการดลใจที่เราแสวงหาและต้องการ

มีส่วนร่วม
พระผู้ช่วยให้รอดทรงขอให้เราตื่นตัว เฝ้าดูและสวดอ้อนวอนเสมอ [9]  เรายังคงตื่นตัวและมุ่งมั่นเมื่อมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการประชุมโดยตั้งใจฟังคำตอบสำหรับคำถามของเรา และโดยจดบันทึกการกระตุ้นเตือนที่เราได้รับจากพระวิญญาณบริสุทธิ์  เรารวมศรัทธาของเรากับผู้อื่นผ่านการสวดอ้อนวอนและรวมเสียงของเราในการร้องเพลงสวด เราแสดงการยืนยันของเราด้วยการกล่าวคำว่า “เอเมน” หลังจากรับฟังข่าวสารต่างๆ และคำสวดอ้อนวอน เราฟังคำสวดอ้อนวอนศีลระลึกด้วยความคารวะและสวดอ้อนวอนในใจเราประหนึ่งเป็นการวิงวอนส่วนตัวและคำมั่นสัญญาของเราต่อพระเจ้า  เรามุ่งเน้นข่าวสาร ดนตรี หรือคำสวดอ้อนวอนของเราไปที่พระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ และเราแสวงหาโอกาสช่วยให้ผู้อื่นรู้สึกว่าได้รับการต้อนรับ ความรัก และเป็นที่ต้องการ  โดยผ่านการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน เรารู้สึกถึงการผูกมิตร การเติมเต็ม และจรรโลงใจเพื่อนผู้ร่วมนมัสการของเรามากขึ้น

 

ใช้การประชุมศีลระลึกให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ลงมือทำ
โดยผ่านศาสนพิธีศีลระลึก เราทำพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าว่าเราเต็มใจรับพระนามของพระเยซูคริสต์ ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ตลอดเวลา  หลังจากการประชุมศีลระลึกแต่ละครั้ง เราพยายามทำให้คำสัญญาของเราต่อพระผู้เป็นเจ้าเกิดสัมฤทธิผล  เราเลือกที่จะทำตามความรู้สึกที่เราได้รับระหว่างการประชุมทันที เรายอมรับพระดำรัสเชื้อเชิญของพระผู้ช่วยให้รอดให้ “ชูแสงสว่างของเจ้าขึ้น” เพื่อมันจะส่องโลก [10] และทำโดยความรัก แบ่งปัน และเชื้อเชิญให้ผู้อื่น “มาดู” “มาช่วย” และ “มาเป็นส่วนหนึ่ง” ด้วยวิธีปกติและเป็นธรรมชาติ เมื่อเรากระทำด้วยศรัทธา พระเจ้าประทานพรเราด้วยประสบการณ์ที่นำปีติอันยั่งยืนมาให้เรา

โดยผ่านกระบวนการเตรียม การมีส่วนร่วม และการกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ การนมัสการศีลระลึกกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตเราและเป็นแหล่งพลังและการคุ้มครองทางวิญญาณที่ยั่งยืน  ความสัมพันธ์ของเรากับพระผู้ช่วยให้รอดและหมู่เพื่อนสานุศิษย์จะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น  ขอให้เราแต่ละคนพิจารณาว่าเราจะใช้ประโยชน์สูงสุดจากประสบการณ์การประชุมศีลระลึกในชีวิตเราได้อย่างไร

 


 

[1]   ดู คพ. 20:75, 3 นีไฟ 18:22

[2]   ดู คพ. 88:63, ยากอบ 4:8

[3]   ดู 3 นีไฟ 18:12-13

[4]   ดู 3 นีไฟ 18:11

[5]   ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “การประชุมศีลระลึกและพิธีศีลระลึก”, การประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2008

[6]   ดู 3 นีไฟ 17:3

[7]   ดู 1 โครินธ์ 11:28

[8]   ดู 3 นีไฟ 9:20

[9]   ดู 3 นีไฟ 18:15-16, มัทธิว 26:38

[10]  ดู 3 นีไฟ 18:21, 24