ข่าวสารจากผู้นำภาคเอเชีย (August 2022)

พบพระคริสต์ที่โบสถ์

เราทุกคนมารับส่วนศีลระลึกเพื่อระลึกถึงการชดใช้ของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าและเป็นพยานว่าเราเต็มใจรับพระนามของพระองค์

เอ็ลเดอร์จอห์น กัตตี
เอ็ลเดอร์จอห์น กัตตี แห่งสาวกเจ็ดสิบ

เราจะพบพระเยซูคริสต์ได้ที่ไหนและอย่างไร?  ศาสดาพยากรณ์เยเรมีย์ให้คำแนะนำว่า “เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า”[1] ทุกคนที่ถ่อมตนและมีใจบริสุทธิ์สามารถพบพระองค์ได้

การเข้าร่วมการประชุมศีลระลึกเป็นสถานที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเข้าใกล้พระเยซูคริสต์มากขึ้น  การนมัสการพระผู้ช่วยให้รอดและเข้าร่วมการประชุมศาสนจักรแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะติดตามพระองค์  ที่โบสถ์ เราเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์จากผู้อื่นที่พยายามติดตามพระองค์  ศาสนจักรเป็นสถานที่ของสมาชิกที่มุ่งมั่นพยายามติดตามพระองค์และดำเนินชีวิตตามมาตรฐานพระกิตติคุณไปพร้อมความท้าทายทั้งหลายของโลก

“ขอ, แล้วเจ้าจะได้รับ; หา, แล้วเจ้าจะพบ; เคาะ, และจะเปิดมันให้เจ้า”[2]  พระองค์ทรงอยู่ในใจ บ้าน และทุกแห่งที่เรามอง พระองค์ทรงอยู่ทุกหนทุกแห่ง

พระเจ้าตรัสใน มัทธิว 18:20 ว่า “เพราะว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาที่นั่น”  เมื่อท่านรับใช้ผู้อื่น ท่านจะรู้สึกถึงความรักและการประทับอยู่ของพระองค์ และท่านจะรู้สึกได้ว่าพระองค์พอพระทัยเพียงใดที่ท่านปรารถนาจะช่วยเหลือผู้คน  สิ่งนี้จะช่วยให้ท่านแบ่งปันความรักของพระองค์กับผู้อื่น—พวกเขาจะเห็นพระวิญญาณของพระองค์ผ่านตัวท่าน

เมื่อเราพบกัน เมื่อเราแบ่งปันและแบกภาระของกันและกัน เราจะทำให้ภาระเหล่านั้นเบาลง[3]  เราสัญญากับพระเจ้าว่าเราจะระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลาและรักษาพระบัญญัติของพระองค์  นี่เป็นเป้าหมายของเราที่จะอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่และพยายามกลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์ของเรา


“ขอ, แล้วเจ้าจะได้รับ; หา, แล้วเจ้าจะพบ; เคาะ, และจะเปิดมันให้เจ้า”

3 นีไฟ 14:7

คำว่าศีลระลึกมาจากรากศัพท์ภาษาละตินสองคำ: sacr หมายถึง “ศักดิ์สิทธิ์” และ ment หมายถึง “ความนึกคิด”  ด้วยเหตุนี้ศีลระลึกจึงเปิดโอกาสให้เราไตร่ตรองและระลึกด้วยความสำนึกคุณถึงพระชนม์ชีพและการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซูคริสต์

บางทีสิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือคำละติน sacramentum ที่แท้จริงแล้วมีความหมายว่า “คำสาบานหรือภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์”  เราทุกคนมารับศีลระลึกเพื่อระลึกถึงการชดใช้ของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าและเพื่อเป็นพยานว่าเราเต็มใจรับพระนามของพระองค์

การรับศีลระลึกคือการเป็นพยานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าการระลึกถึงพระบุตรของพระองค์จะยาวนานเกินช่วงเวลาอันสั้นของศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์นั้น  พระเจ้าทรงสัญญากับเราว่าพระวิญญาณของพระองค์จะสถิตกับเราตลอดเวลาเมื่อเรารับศีลระลึกอย่างมีค่าควร

เมื่อเราเตรียมและรับศีลระลึกอย่างมีค่าควร เราจะได้รับพรและพรนี้จะช่วยเราในการพัฒนาทางวิญญาณ  เมื่อเราพบพระเยซูคริสต์ในศาสนพิธี ความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าจะปรากฏชัดขึ้น

พบพระคริสต์ที่โบสถ์

แอลมากล่าวว่าปีติของเขาเต็มเปี่ยมมากขึ้นเพราะความสำเร็จของพี่น้องชายของเขา[4]  เมื่อเราเชื้อเชิญให้ผู้คนมาโบสถ์ เราจะสามารถรู้สึกปีตินั้นเช่นกัน

การค้นพบพระคริสต์ไม่ใช่แนวคิดใหม่ เนื่องจากผู้คนต่างแสวงหาพระองค์มาตั้งแต่ในสมัยโบราณและเช่นเดียวกับในทุกวันนี้[5]  การสวดอ้อนวอนด้วยใจบริสุทธิ์จะช่วยให้เราพบพระองค์เสมอ  ความรักเฉกเช่นพระคริสต์ช่วยให้เราพบพระองค์ในผู้อื่นที่เรารับใช้  การเชื้อเชิญผู้คนให้มาหาพระเยซูคริสต์ช่วยให้เราพบพระองค์เพราะเราเป็นผู้คนแห่งพันธสัญญา[6] และนี่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเราในการช่วยเหลือผู้อื่น

พระเจ้าตรัสว่า “ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา”[7] พระองค์ยังทรงบัญชาด้วยว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[8]

เมื่อเราดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ และพยายามรักษาพระบัญญัติของพระองค์  ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้พระเจ้าทรงเสริมกำลังเข่าที่อ่อนแรงทุกข้อและทรงทำให้ใจเราเปี่ยมด้วยความรักที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าและบุตรธิดาของพระองค์  ขอพระองค์ประทานพรเราด้วยพละกำลังที่จะเอาชนะความท้าทายของชีวิตเพื่อเราจะกลับไปหาพระองค์ได้ในอาณาจักรของพระองค์

 


[1] เยเรมีย์ 29:13.

[2] 3 นีไฟ 14:7.

[3] โมไซยาห์ 18:8.

[4] แอลมา 29:14.

[5] อีเธอร์ 12:41.

[6] โมไซยาห์ 18:9.

[7] ยอห์น 14:15.

[8] มัทธิว 22:39.