เราจะพบพระเยซูคริสต์ได้ที่ไหนและอย่างไร? ศาสดาพยากรณ์เยเรมีย์ให้คำแนะนำว่า “เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า”[1] ทุกคนที่ถ่อมตนและมีใจบริสุทธิ์สามารถพบพระองค์ได้
การเข้าร่วมการประชุมศีลระลึกเป็นสถานที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเข้าใกล้พระเยซูคริสต์มากขึ้น การนมัสการพระผู้ช่วยให้รอดและเข้าร่วมการประชุมศาสนจักรแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะติดตามพระองค์ ที่โบสถ์ เราเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์จากผู้อื่นที่พยายามติดตามพระองค์ ศาสนจักรเป็นสถานที่ของสมาชิกที่มุ่งมั่นพยายามติดตามพระองค์และดำเนินชีวิตตามมาตรฐานพระกิตติคุณไปพร้อมความท้าทายทั้งหลายของโลก
“ขอ, แล้วเจ้าจะได้รับ; หา, แล้วเจ้าจะพบ; เคาะ, และจะเปิดมันให้เจ้า”[2] พระองค์ทรงอยู่ในใจ บ้าน และทุกแห่งที่เรามอง พระองค์ทรงอยู่ทุกหนทุกแห่ง
พระเจ้าตรัสใน มัทธิว 18:20 ว่า “เพราะว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาที่นั่น” เมื่อท่านรับใช้ผู้อื่น ท่านจะรู้สึกถึงความรักและการประทับอยู่ของพระองค์ และท่านจะรู้สึกได้ว่าพระองค์พอพระทัยเพียงใดที่ท่านปรารถนาจะช่วยเหลือผู้คน สิ่งนี้จะช่วยให้ท่านแบ่งปันความรักของพระองค์กับผู้อื่น—พวกเขาจะเห็นพระวิญญาณของพระองค์ผ่านตัวท่าน
เมื่อเราพบกัน เมื่อเราแบ่งปันและแบกภาระของกันและกัน เราจะทำให้ภาระเหล่านั้นเบาลง[3] เราสัญญากับพระเจ้าว่าเราจะระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลาและรักษาพระบัญญัติของพระองค์ นี่เป็นเป้าหมายของเราที่จะอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่และพยายามกลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์ของเรา
“ขอ, แล้วเจ้าจะได้รับ; หา, แล้วเจ้าจะพบ; เคาะ, และจะเปิดมันให้เจ้า”
3 นีไฟ 14:7
คำว่าศีลระลึกมาจากรากศัพท์ภาษาละตินสองคำ: sacr หมายถึง “ศักดิ์สิทธิ์” และ ment หมายถึง “ความนึกคิด” ด้วยเหตุนี้ศีลระลึกจึงเปิดโอกาสให้เราไตร่ตรองและระลึกด้วยความสำนึกคุณถึงพระชนม์ชีพและการปฏิบัติศาสนกิจของพระเยซูคริสต์
บางทีสิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือคำละติน sacramentum ที่แท้จริงแล้วมีความหมายว่า “คำสาบานหรือภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์” เราทุกคนมารับศีลระลึกเพื่อระลึกถึงการชดใช้ของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าและเพื่อเป็นพยานว่าเราเต็มใจรับพระนามของพระองค์
การรับศีลระลึกคือการเป็นพยานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าการระลึกถึงพระบุตรของพระองค์จะยาวนานเกินช่วงเวลาอันสั้นของศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์นั้น พระเจ้าทรงสัญญากับเราว่าพระวิญญาณของพระองค์จะสถิตกับเราตลอดเวลาเมื่อเรารับศีลระลึกอย่างมีค่าควร
เมื่อเราเตรียมและรับศีลระลึกอย่างมีค่าควร เราจะได้รับพรและพรนี้จะช่วยเราในการพัฒนาทางวิญญาณ เมื่อเราพบพระเยซูคริสต์ในศาสนพิธี ความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าจะปรากฏชัดขึ้น
แอลมากล่าวว่าปีติของเขาเต็มเปี่ยมมากขึ้นเพราะความสำเร็จของพี่น้องชายของเขา[4] เมื่อเราเชื้อเชิญให้ผู้คนมาโบสถ์ เราจะสามารถรู้สึกปีตินั้นเช่นกัน
การค้นพบพระคริสต์ไม่ใช่แนวคิดใหม่ เนื่องจากผู้คนต่างแสวงหาพระองค์มาตั้งแต่ในสมัยโบราณและเช่นเดียวกับในทุกวันนี้[5] การสวดอ้อนวอนด้วยใจบริสุทธิ์จะช่วยให้เราพบพระองค์เสมอ ความรักเฉกเช่นพระคริสต์ช่วยให้เราพบพระองค์ในผู้อื่นที่เรารับใช้ การเชื้อเชิญผู้คนให้มาหาพระเยซูคริสต์ช่วยให้เราพบพระองค์เพราะเราเป็นผู้คนแห่งพันธสัญญา[6] และนี่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเราในการช่วยเหลือผู้อื่น
พระเจ้าตรัสว่า “ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา”[7] พระองค์ยังทรงบัญชาด้วยว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[8]
เมื่อเราดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ และพยายามรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอให้พระเจ้าทรงเสริมกำลังเข่าที่อ่อนแรงทุกข้อและทรงทำให้ใจเราเปี่ยมด้วยความรักที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าและบุตรธิดาของพระองค์ ขอพระองค์ประทานพรเราด้วยพละกำลังที่จะเอาชนะความท้าทายของชีวิตเพื่อเราจะกลับไปหาพระองค์ได้ในอาณาจักรของพระองค์
[1] เยเรมีย์ 29:13.
[2] 3 นีไฟ 14:7.
[3] โมไซยาห์ 18:8.
[4] แอลมา 29:14.
[5] อีเธอร์ 12:41.
[6] โมไซยาห์ 18:9.
[7] ยอห์น 14:15.
[8] มัทธิว 22:39.