ข่าวสารจากผู้นำภาคเอเชีย (January 2023)

 แบ่งปันแสงสว่างของพระคริสต์

เมื่อเราเปี่ยมด้วยแสงสว่างของพระคริสต์ เราจะมีความปรารถนามากขึ้นที่จะรักผู้อื่นในแบบที่พระองค์ทรงรักพวกเขา

เอ็ลเดอร์รอส เอ. ชิลี
เอ็ลเดอร์รอส เอ. ไชลส์ แห่งสาวกเจ็ดสิบ

ในค่ำคืนที่ผ่านมามีดาวสุกใสดวงหนึ่งอยู่สูงบนท้องฟ้าซึ่งกำลังเรียกความสนใจมายังตัวมันเอง แม้จะมองขึ้นไปจากระเบียง อพาร์ทเมนต์ของเราซึ่งมีแสงไฟสว่างไสวของทั้งเมือง ก็ยังเห็นท้องฟ้ายามเย็นได้อย่างชัดเจน ดาวส่องแสงสีทองสม่ำเสมอชัดเจนจนข้าพเจ้ามองเห็นหกแฉกรอบดาวดวงนั้น ข้าพเจ้าแปลกใจมากที่ค้นพบว่าดาวดวงนั้นไม่ใช่ดาวฤกษ์แต่อย่างใด หากแต่เป็นดาวพฤหัสบดี ในช่วงเวลาที่หายากนี้ ดาวพฤหัสบดีจะสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ให้สว่างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะวงโคจรของมันอยู่ใกล้โลกมากที่สุดเท่าที่เคยโคจรมา[1]  ขณะข้าพเจ้ามองดูดาวพฤหัสบดีบนท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้น ข้าพเจ้ามีความคิดสองประการ 

 

ประการแรก การปรากฏขึ้นของ ‘ดาว’ ดวงนี้ที่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้ข้าพเจ้านึกถึงดาวดวงใหม่ที่ประกาศการประสูติของพระผู้ช่วยให้รอดเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว การใช้ชีวิตในเวลานั้นน่าจะเป็นอย่างไร การได้เห็นแสงใหม่ในสวรรค์ และเรียนรู้เกี่ยวกับการประสูติของพระเมสสิยาห์ที่รอคอยมาแสนนานและแสงสว่างที่พระองค์จะนำมาสู่โลก

 

พระคัมภีร์สอนเกี่ยวกับแสงสว่างที่เริ่มเติมเต็มชีวิตเมื่อเรายอมรับพระกิตติคุณและรับพรของการผูกมัดกับพระเจ้าผ่านบัพติศมา หลักธรรมแห่งพระกิตติคุณส่องประกายในชีวิตเราเมื่อเราทำตามแบบอย่างของพระผู้ช่วยให้รอด ในพระวิหารเราทำพันธสัญญาเพิ่มเติมที่ช่วยเสริมความสัมพันธ์ของเรากับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ให้แข็งแกร่งขึ้นและให้เราเข้าถึงพลังอำนาจของทั้งสองพระองค์ในชีวิตเรา ในแต่ละสัปดาห์เมื่อเราต่อพันธสัญญาของเราโดยรับส่วนศีลระลึก เราแสดงความเต็มใจที่จะรักษาพระบัญญัติของพระองค์และพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เป็นเพื่อนที่ยั่งยืนของเรา

 

อัครสาวกยอห์นกล่าวว่า “พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า เราเป็นความสว่างของโลกคนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”[2]  ขณะที่เราพยายามทำและรักษาพันธสัญญาที่ทำไว้กับพระเจ้า เราจะเปี่ยมไปด้วยแสงสว่างนี้ เราจะเพิ่มแสงสว่างของพระองค์ในชีวิตเราได้อย่างไร?


“ไม่ว่าวิธีใดที่ดูเหมือนปกติธรรมดาสำหรับท่าน จงแบ่งปันกับผู้คนว่าพวกเขามีพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักผู้ทรงรักพวกเขา จงแบ่งปันกับผู้คนว่าเหตุใดพระเยซูคริสต์และศาสนจักรของพระองค์จึงสำคัญต่อท่าน เชื้อเชิญพวกเขาให้มาดู”

ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

จุลสาร เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน[3]  ฉบับใหม่เชื้อเชิญให้เราเลือกสิ่งดีที่จะปรับปรุงความสามารถในการรู้สึกถึงพระวิญญาณและช่วยให้แสงสว่างส่วนตัวของเราสว่างขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน จุลสารนี้ให้คำแนะนำเช่น:

 

1. จัดสรรเวลาให้พระเจ้าทุกวันเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์และระลึกถึงพระองค์โดยศึกษาพระคัมภีร์และสวดอ้อนวอนถึงพระบิดาบนสวรรค์ของเรา

2. พยายามดำเนินชีวิตตามสิ่งที่เราเรียนรู้

3. แสวงหาสิ่งที่ยกระดับ สร้างแรงบันดาลใจ และเชื้อเชิญพระวิญญาณ

4. ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อยกระดับ โดยมุ่งเน้นไปที่แสงสว่าง ศรัทธา และความจริง

5. แสวงหาประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์และความสัมพันธ์ที่แท้จริงและยั่งยืน

 

ประการที่สอง ขณะที่ข้าพเจ้ายังคงคิดถึงดาวดวงใหม่และแสงสว่างของมัน สิ่งนี้ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงข้อพระคัมภีร์ใน มัทธิว 5:14-16:

 

ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะถูกปิดบังไว้ไม่ได้ เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในบ้านนั้น จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำพวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์

 

เราแต่ละคนสามารถสะท้อนแสงสว่างของพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตเราได้ โจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ กล่าวว่า “พระกิตติคุณเป็นแสงสว่างที่ส่องออกมาในความมืด และทุกคนที่ได้รับแสงสว่างแห่งพระกิตติคุณจะกลายเป็นแสงสว่างและนำทางทุกคน…”[4]

แบ่งปังแสงสว่างของพระคริสต์

เอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟสอนเราให้ตั้งแสงสว่างของเรา “บนเชิงตะเกียง” ท่านเชื้อเชิญเราให้ “เติมใจท่านด้วยความรักที่มีต่อผู้อื่น พยายามมองทุกคนรอบตัวเราในฐานะลูกของพระผู้เป็นเจ้า หัวเราะกับพวกเขา ชื่นชมยินดีกับพวกเขา ร้องไห้กับพวกเขา เคารพพวกเขา รักษา หนุนใจ และเสริมกำลังพวกเขา”

 

“ไม่ว่าวิธีใดที่ดูเหมือนปกติธรรมดาสำหรับท่าน จงแบ่งปันกับผู้คนว่าพวกเขามีพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักผู้ทรงรักพวกเขา จงแบ่งปันกับผู้คนว่าเหตุใดพระเยซูคริสต์และศาสนจักรของพระองค์จึงสำคัญต่อท่าน เชื้อเชิญพวกเขาให้มาดู”[5]  

 

เมื่อเราเปี่ยมไปด้วยแสงสว่างของพระคริสต์ เราจะมีความปรารถนามากขึ้นที่จะรักผู้อื่นในแบบที่พระองค์ทรงรักพวกเขา เราพบความเข้มแข็งในการจดจำว่า “อย่าพิพากษา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงพิพากษาท่านทั้งหลาย”[6]  แสงสว่างของพระองค์ช่วยให้เราละเว้นจากการวิพากษ์วิจารณ์ การนินทา หรือการจับผิด และพยายามเป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของเราที่มีต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ของเรา เมื่อเราให้อภัยอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเห็นอกเห็นใจและความอดทนต่อคนรอบข้างเรา สิ่งนี้จะนำแสงสว่างของพระองค์มาสู่เราและผู้อื่นมากขึ้น

 

เมื่อเราเติมแสงสว่างให้ชีวิตของเราด้วยวิธีเหล่านี้ เราสามารถเป็นแสงสว่างของพระเจ้าได้ เราสามารถสะท้อนแสงของพระองค์และส่องสว่างได้เทียบเท่ากับดาวพฤหัสบดีบนท้องฟ้าหรือดาวดวงใหม่ของเบธเลเฮม—ซึ่งนำทุกคนผู้ติดตามให้—มาหาพระองค์

 


[1] earthsky.org

[2] ยอห์น 8:12.

[3] churchofjesuschrist.org/study/manual/for-the-strength-of-youth

[4] Joseph Fielding Smith, in Conference Report, British Area General Conference 1971, 176.

[5] Dieter F. Uchtdorf, “Missionary Work: Sharing What Is in Your Heart,” Ensign or Liahona, May 2019, 15.

[6] ดู มัทธิว  7:1.