ข้าพเจ้าอายุสามสิบปีขณะได้รับเชิญเป็นครั้งแรกให้ไปการประชุมศีลระลึกในสาขาหนึ่งของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในจาการ์ตา อินโดนีเซีย ก่อนประสบการณ์นี้ ข้าพเจ้าคุ้นเคยและเติบโตจากศาสนาสำคัญอื่นๆ อีกสองศาสนา ซึ่งมีอิทธิพลมาตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยเรียน ข้าพเจ้ายังจำได้ถึงการเข้าไปอย่างคนแปลกหน้า วิตกกังวลว่าจะถูกตัดสิน ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่มีใครปฏิบัติเช่นนั้น
ข้าพเจ้าได้รับการทักทายดุจ “พี่น้อง” ราวกับว่าข้าพเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพวกเขา สมาชิกและผู้นำของสาขาต่างแสดงความสำนึกคุณอย่างจริงใจที่มีข้าพเจ้าอยู่ที่นั่น ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความยินดีต้อนรับและความรัก
การประชุมมีความคารวะและเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ ข้าพเจ้าติดตามแต่ละขั้นตอนได้อย่างสบายใจ คำพูดของผู้พูดที่ได้รับมอบหมายให้ข้อคิดใหม่ๆ ที่นำไปสู่ความเข้าใจพระกิตติคุณและวิธีดำเนินชีวิตตามนั้น
เนื่องจากข้าพเจ้าเคยเข้าร่วมการประชุมศีลระลึกอื่นๆ มาแล้วมากมาย และข้าพเจ้าเชื่อสนิทใจในสิ่งที่เดวิด โอ. แมคเคย์เคยกล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกได้รับการกระตุ้นเตือนให้เน้นย้ำถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดให้เป็นการประชุมที่สำคัญที่สุดในศาสนจักรซึ่งคือการประชุมศีลระลึก”[1]
เราเรียนรู้จากพระคัมภีร์ “เป็นสิ่งจำเป็นที่ศาสนจักรจะประชุมกันบ่อยเพื่อรับส่วนขนมปังและเหล้าองุ่นในความระลึกถึงพระเจ้า พระเยซู” [2] ในทำนองเดียวกัน ข้าพเจ้าต้องการเชิญท่านทุกคนให้มาการประชุมศีลระลึกด้วยเหตุผลสามประการ: เพื่ออยู่ท่ามกลางพี่น้องในพระคริสต์ เพื่อต่อพันธสัญญาของท่านด้วยการรับส่วนศีลระลึก และเพื่อเตือนกันและกันให้นึกถึงพระเจ้าพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์
“เป็นสิ่งจำเป็นที่ศาสนจักรจะประชุมกันบ่อยเพื่อรับส่วนขนมปังและเหล้าองุ่นในความระลึกถึงพระเจ้า พระเยซู”
หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:75
การอยู่ท่ามกลางสมาชิกศาสนจักรช่วยให้ข้าพเจ้าได้รับประจักษ์พยานเรื่องการฟื้นฟูศาสนจักรของพระเยซูคริสต์และเสริมปณิธานที่จะเข้าสู่เส้นทางพันธสัญญา
หลังรับบัพติศมาและได้รับแต่งตั้งสู่ตำแหน่งปุโรหิตในฐานะปุโรหิต ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้สวดศีลระลึกเป็นครั้งคราว ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นที่ต้องการ และโอกาสที่จะรับใช้ผู้อื่นผ่านการสวดศีลระลึกเสริมสร้างศรัทธาของข้าพเจ้าในพระคริสต์
เมื่อข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พูดครั้งแรก การเตรียมพูดนำข้าพเจ้าสู่การเรียนรู้ถึงแหล่งข้อมูลศาสนจักรที่มีอยู่ อาทิ พระคัมภีร์ คำปราศรัยของเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ และหนังสืออีกมากมาย ข้าพเจ้าเรียนรู้วิธีไตร่ตรองเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเองและแบ่งปันประจักษ์พยานของข้าพเจ้าเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้คนอื่นๆ ที่เข้าร่วมการประชุมศีลระลึก
พระเยซูทรงสถาปนาศีลระลึกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ “คนที่กินขนมปังนี้กินร่างกายเราเพื่อจิตวิญญาณเขา; และคนที่ดื่มเหล้าองุ่นนี้ดื่มโลหิตเราเพื่อจิตวิญญาณเขา; และจิตวิญญาณเขาจะไม่หิวหรือกระหาย, แต่จะอิ่ม”[3] พระเจ้าทรงสัญญาว่าผู้ที่รับส่วนศีลระลึกอย่างมีค่าควรจะมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับพวกเขาตลอดเวลา
สมาชิกศาสนจักรแต่ละคนควรจำให้ขึ้นใจถึงพันธสัญญาสำคัญสามข้อที่ทำไว้ด้วยการรับส่วนสัญลักษณ์เหล่านี้
1. ว่าพวกเขาเต็มใจรับพระนามของพระบุตรไว้กับตน
2. ว่าพวกเขาจะระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา
3. ว่าพวกเขาจะรักษาพระบัญญัติของพระองค์ซึ่งพระองค์ประทานแก่พวกเขา[4]
ระหว่างพระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้าย พระองค์ทรงสอนด้วยว่าอย่าจับผิดผู้อื่นแต่ให้มองเข้าไปในตนเอง ประเมินผลสิ่งที่เราจำเป็นต้องกลับใจ รักและรับใช้กันตามที่เราควรทำ และล้างเท้าให้กันและกัน
จอร์จ อัลเบิร์ต สมิธกล่าวถึงศีลระลึกว่า “เราควรรับส่วนศีลระลึกด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยเตรียมมือที่สะอาดและใจที่บริสุทธิ์ และด้วยความปรารถนาที่จะได้รับการยอมรับจากพระบิดาของเรา จากนั้นเราจะรับศีลระลึกอย่างมีค่าควรและชื่นชมยินดีในพรที่จะมาถึงเราด้วยเหตุแห่งศีลระลึกนั้น”[5]
ท่านยังตั้งข้อสังเกตว่า “ชายและหญิงที่ดำเนินชีวิตไปปีแล้วปีเล่าโดยไม่ได้รับส่วนพระกระยาหารของพระเจ้า จะค่อยๆ สูญเสียพระวิญญาณของพระบิดาบนสวรรค์ของเรา พวกเขาสูญเสียความเป็นเพื่อนที่พวกเขาเคยมีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมในพรนั้น และล้มเหลวในการรับประโยชน์จากพรนั้น”[6]
ข้าพเจ้าขอเสนอข้อเตือนใจของประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธที่มีถึงเราทุกคนว่าวันสะบาโตถูกกำหนดไว้เพื่อการรับส่วนศีลระลึก เพื่อต่อพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ “วันสะบาโตคือวันที่เราอยู่พร้อมหน้าพี่น้องชายหญิง วันที่เราควรเข้าร่วมการประชุมของวิสุทธิชน เตรียมรับส่วนศีลระลึกแห่งพระกระยาหารของพระเจ้า สารภาพบาปของท่านต่อพระพักตร์พระเจ้าและพี่น้องชายหญิงของท่าน และให้อภัยเพื่อนของท่านขณะท่านคาดหวังให้พระเจ้าทรงให้อภัยท่าน”[7]
1 เดวิด โอ. แมคเคย์, in Conference Report, Oct. 1929, 11
2 หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:75
3 3 นีไฟ 20:8
4 โจเซฟ ฟิลดิง สมิธ, in Teachings of the Latter-day Prophets: A Compilation of Statements on Gospel Topics by Men Sustained as Prophets, Seers, and Revelators [1986], 585
5 จอร์จ อัลเบิร์ต สมิธ, in Conference Report, Apr. 1908, 36
6 คำสอนของประธานศาสนจักร: จอร์จ อัลเบิร์ต สมิธ [2011], 95
7 คำสอนของประธานศาสนจักร: โจเซฟ เอฟ. สมิธ [1998], 232