ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมประสบการณ์การย้ายไปอยู่ไต้หวันเมื่อหลายปีก่อนกับครอบครัวเล็กๆ นั่นเป็นปี 1993 และลูกคนที่สองของเราเพิ่งเกิด ก่อนหน้านี้ เราเคยอาศัยอยู่ในไต้หวันมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งสมัยเพิ่งแต่งงาน แต่ประสบการณ์ครั้งนี้จะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เราไม่ได้แค่มาเที่ยวผจญภัย แต่เราจะย้ายมาอยู่ที่นี่! ข้าพเจ้ายังจำได้แม่นว่ารู้สึกยากเพียงใดที่ต้องจากแคนาดามาเป็นระยะเวลานาน และเราคิดถึงการเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้า วันคริสต์มาส และวันอีสเตอร์กับครอบครัวของเราที่บ้านมากเพียงใด ในช่วงหลายปีนั้น แคร์รีย์และข้าพเจ้าใช้เวลามากมายไปกับการคิดว่าเราจะทำอย่างไรให้การเฉลิมฉลองและประเพณีเหล่านั้นยังคงมีความหมายสำหรับครอบครัวเล็กๆ ของเรา และเราจะช่วยให้ลูกๆ ของเรายังคงรู้สึกถึงปีติที่เราประสบขณะเราเติบโตขึ้นและหาวิธีสอนพวกเขาเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณของพระองค์ได้อย่างไร
ในช่วงเวลาห้าปีนั้น เราคิดหลักธรรมนำทางสองสามประการขึ้นมาเพื่อช่วยเรา ประการแรก แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างประสบการณ์ที่เรามีในบ้านเกิดที่เราเติบโตมาในแคนาดาขึ้นมาใหม่ ในไต้หวัน ไม่มีใครรอบตัวเราเฉลิมฉลองเทศกาลวันหยุด เราต้องยอมรับสิ่งนั้น จากนั้นทำให้การเฉลิมฉลองของเราเรียบง่ายและปรับให้เข้ากับสภาวการณ์ปัจจุบันของเรา สอง เราต้องเลือกว่าประเพณีใดสำคัญที่สุดสำหรับเรา และตัดสินใจว่าเราจะสร้างประสบการณ์อันมีความหมายเหล่านั้นขึ้นมาใหม่เพื่อลูกๆ ของเราด้วยทรัพยากรอันจำกัดได้อย่างไร สาม เราตระหนักว่าเราต้องมุ่งความสนใจไปที่วิธีสอนลูกๆ เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดและพระพันธกิจของพระองค์ เราจึงลงเอยด้วยการผสมผสานกิจกรรมที่บ้านและที่โบสถ์เข้าด้วยกัน
- เราสังเกตเห็นว่ามีคนอื่นๆ ในวอร์ดและกลุ่มเพื่อนที่อยู่ห่างไกลจากครอบครัวในช่วงเวลาสำคัญเหล่านี้ เราจึงเปิดบ้านและเชื้อเชิญหลายคนมาร่วมเฉลิมฉลองกับเรา
- เราไม่เพียงพยายามแต่จะเชิญชาวต่างชาติคนอื่นๆ เท่านั้น แต่ยังเชิญเพื่อนๆ ที่เป็นคนในท้องที่ด้วย สำหรับเพื่อนชาวไต้หวันหลายคน การร่วมประเพณีของเราเป็นวิธีที่มีความหมายในการสอนหรือเพิ่มความเข้าใจของพวกเขาเกี่ยวกับความสำคัญของพระชนม์ชีพและการเสียสละของพระผู้ช่วยให้รอด
- บทเพลงเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดเป็นส่วนสำคัญในประเพณีครอบครัวเรา เราทำหนังสือเพลงสำหรับครอบครัว มีส่วนร่วมในคณะนักร้องประสานเสียงและการ้องเพลงตามบ้าน และผลลัพธ์คือเรามีความสุขและได้แบ่งปันวิญญาณพิเศษที่มาโดยผ่านบทเพลงที่มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง
- เมื่อเราสวดอ้อนวอนเพื่อค้นพบผู้อื่นที่เราจะรับใช้ในช่วงเทศกาลวันหยุดเหล่านี้ นั่นได้เปิดโอกาสอันน่าจดจำและมีความหมายในการสอนลูกๆ เกี่ยวกับการดูแลผู้อื่น
- ในวอร์ดและสเตค เราได้ช่วยดูแลให้แน่ใจว่าการประชุมศีลระลึกและกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเทศกาลวันหยุดเหล่านี้มุ่งเน้นที่พระคริสต์ ช่างเป็นปีติที่ได้ช่วยสอนและแบ่งปันเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่โบสถ์ เช่น การแสดงเรื่องพระประสูติกาลในวันคริสต์มาสและการขับร้องออราทอริโอเรื่องลูกแกะของพระผู้เป็นเจ้า
“ไตร่ตรองหาวิธีขยายการฉลองอีสเตอร์ของครอบครัวเราให้มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น”
เอ็ลเดอร์แกรีย์ อี. สตีเวนสัน
ในเวียดนาม ศาสนจักรยังใหม่มาก ผู้สอนศาสนาอาวุโสคู่หนึ่งสอนคนหนุ่มสาวโสดในแต่ละสาขาถึงวิธีแสดงเรื่องพระประสูติกาลขณะอ่านจากพันธสัญญาใหม่ในกิตติคุณของลูกาและมัทธิว เราจินตนาการว่าวันหนึ่งสมาชิกที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้แต่ละคนจะมีครอบครัวของตนเองและรู้ว่าจะสอนเรื่องราวคริสต์มาสแก่ลูกๆ พวกเขาอย่างไร
ในการประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน 2023 เอ็ลเดอร์แกรีย์ อี. สตีเวนสันกล่าวคำปราศรัยที่สร้างแรงบันดาลใจ “เรื่องราวอีสเตอร์ที่ประเสริฐสุดเท่าที่เคยเล่าขานมา” ท่านเชื้อเชิญเราให้ “ไตร่ตรองหาวิธีขยายการฉลองอีสเตอร์ของครอบครัวเราให้มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น” ท่านกล่าวว่า “บางที … เราทุกคนตรึกตรองได้: เราจะจำลองการสอนและการฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ซึ่งคือเรื่องราวอีสเตอร์ ให้เป็นประเพณีทางศาสนาที่มีความสมดุล สมบูรณ์ และมีค่าเหมือนกับการประสูติของพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นเรื่องราวคริสต์มาสอย่างไร?” ข้าพเจ้าซาบซึ้งต่อคำเชื้อเชิญเพิ่มเติมของเอ็ลเดอร์สตีเวนสันอย่างยิ่ง ที่ให้เราพิจารณาว่า “การอ่านพระคัมภีร์มอรมอนช่วงอีสเตอร์จะเป็นพรแก่ชีวิตเราและคนที่เรารักอย่างมีความหมายได้อย่างไร”
ขณะที่การรวบรวมดำเนินต่อไปทั่วเอเชีย เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเริ่มต้นในชีวิตของเราเองและกับครอบครัวตั้งแต่ตอนนี้ในการค้นหาวิธีเฉลิมฉลองพระชนม์ชีพและพระพันธกิจของพระผู้ช่วยให้รอด นึกถึงสิ่งที่เราทำได้เป็นการส่วนตัว กับครอบครัวและเพื่อนๆ และในฐานะวอร์ดและสเตคเพื่อสร้างประเพณีที่มีความหมายและมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางให้ดียิ่งขึ้นในวันคริสต์มาสและวันอีสเตอร์
ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนว่าเราจะพบวิธีใช้พระคัมภีร์มอรมอนเพื่อช่วยให้เราจดจำพระคริสต์อยู่เสมอ ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระคัมภีร์มอรมอนสอนหลักคำสอนของพระคริสต์ในทุกๆ หน้า และเป็นวิธีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้เราเพื่อจดจำและเฉลิมฉลองพระชนม์ชีพและพระพันธกิจของพระผู้ช่วยให้รอด