ข่าวสารจากผู้นำภาคเอเชีย (มิถุนายน 2024)

พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: แหล่งแห่งปีติและสันติสุข

การเดินทางมรรตัยของเราซึ่งมีความยากลำบาก ซับซ้อน ความเจ็บปวดและความผิดหวัง เป็นเพียงเศษเสี้ยวของแผนอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าในการเสริมสร้างเรา

เอ็ลเดอร์บุนออค  แอง
เอ็ลเดอร์บุนออค แอง สาวกเจ็ดสิบภาค

ตลอดระยะเวลา 42 ปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวในความเพียรพยายามทางวิชาชีพ ท่าม กลางความไม่แน่นอนมากมายของชีวิต ข้าพเจ้าโหยหาบางสิ่งที่ยั่งยืนมากกว่าความมั่นคงทางการเงิน ภาพสะท้อนเหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักว่าปีติและสันติสุขจากภายในคือความปรารถนาอันแรงกล้าที่สุดสำหรับครอบครัวและตัวข้าพเจ้าเอง พระวจนะของพระเจ้าสะท้อนอยู่ในตัวข้าพเจ้าอย่างลึกซึ้ง: 'เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้'[1] อะไรจะล้ำค่าไปกว่า 'สันติสุขและปีติ' ที่พระเจ้าสัญญาไว้กับเราแต่ละคน?

เมื่อพระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขนและสิ้นพระชนม์ ผู้ติดตามพระองค์หลายคนปรากฎว่าหลงทาง ไม่มีความหวัง และโลกถูกทิ้งไว้ด้วยความสิ้นหวัง[2] หลายคนเชื่อว่าพวกเขาจะถูกทำลายและพินาศ[3] กระนั้นสามวันหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงเป็นขึ้นมาอีก และเนื่องจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ เราก็จะฟื้นคืนชีวิตอีกครั้งเช่นกัน[4]

ข้าพเจ้าขอแบ่งปันประสบการณ์ที่สอนข้าพเจ้าว่าเราจะพบสันติสุขและปีติตลอดเวลาผ่านทางพระคริสต์และเดชานุภาพของพระองค์ได้อย่างไร:


“ลูกเอ๋ย สันติสุขจงมีแก่จิตวิญญาณของเจ้า ความยากลำบากของเจ้าและความทุกข์ของเจ้าจะอยู่เพียงชั่วครู่”

หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:7

ขณะที่เป็นหนุ่มโสด ข้าพเจ้าได้ไปเยือนเกาะแรบบิท ซึ่งเป็นเกาะที่กว้างใหญ่และสวยงามในประเทศกัมพูชา พวกเราสี่คนตัดสินใจเดินป่าขึ้นไปบนภูเขาของเกาะโดยทิ้งเพื่อนๆ ไว้ที่ชายทะเล เพื่อกำหนดเส้นทางกลับของเรา ข้าพเจ้าตัดกิ่งไม้และวางเครื่องหมายไว้ขณะที่เราปีนขึ้นไป ตลอดการขึ้นของเรา เราเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันน่าทึ่งและค้นพบพืชที่น่าทึ่งมากมายที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

เมื่อไปถึงยอดเขา เพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้เราลงเส้นทางใหม่เพื่อสำรวจทิวทัศน์และพืชพรรณใหม่ๆ ต่อไป เราทุกคนก็ตกลงกันโดยพร้อมเพรียงกัน น่าเสียดายที่เส้นทางลงที่เราเลือกนำเราเข้าสู่ป่าทึบและหนามหนาทึบที่ไม่อาจทะลุเข้าไปได้ เราลองเส้นทางอื่นหลายเส้นทางแต่หาทางผ่านไม่ได้ ในที่สุดเราก็ยอมแพ้และพยายามกลับไปสู่เส้นทางเดิม แต่มันหายไป

เป็นวันที่อากาศร้อน ไม่มีลม และหลังจากหลงทางไปประมาณห้าชั่วโมง ข้าพเจ้าก็เปียกโชกและกระหายน้ำ ด้วยความสิ้นหวัง ข้าพเจ้าจึงเลือกผลไม้ที่ไม่รู้จักมาเพื่อดับกระหาย แต่กลับพบว่ามันขมมากจนทำให้คอของข้าพเจ้าแห้งยิ่งขึ้นไปอีก ข้าพเจ้าบีบเสื้อที่ชุ่มเหงื่อเพื่อทำให้ริมฝีปากเปียก และเลียบาดแผลที่โดนหนามอันเจ็บปวดบนนิ้ว ข้าพเจ้านอนราบกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้าโดยสิ้นเชิง คิดว่าจะต้องตายแน่ๆ และจะไม่มีวันได้เจอพี่น้อง พ่อแม่ และเพื่อนๆ อีกเลย

พระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์: แหล่งแห่งปีติและสันติสุข

ขณะที่นอนอยู่บนพื้น ข้าพเจ้ามองดูท้องฟ้า และดวงอาทิตย์ระยิบระยับก็ส่องผ่านใบไม้ ข้าพเจ้าจำสวรรค์ได้และพระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถช่วยข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าตะโกนบอกเพื่อนว่า 'มาสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าของเราเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระองค์กันเถอะ' เราทุกคนคุกเข่า และข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างแรงกล้า ชั่วครู่หลังจากการสวดอ้อนวอน ข้าพเจ้าได้ยินเสียงสงบแผ่วเบาพูดว่า 'ตอนนี้เจ้ายังตายไม่ได้ เรายังมีงานอีกมากให้เจ้าทำ' ข้าพเจ้าลืมตาขึ้นมาใหม่ด้วยความเข้มแข็งใหม่และความหวังในเดชานุภาพของพระองค์ ข้าพเจ้าคว้าแท่งไม้แล้วพูดว่า 'ตามผมมา แล้วผมจะนำทางพวกคุณเอง' ข้าพเจ้าใช้ไม้ปัดกวาดทางที่มีหนามและกิ่งเล็กๆ เพื่อค้นหาเส้นทางของเรา หลังจากนั้นไม่นาน เราก็พบกับบ่องูหลายแห่ง ซึ่งกระตุ้นให้เราเคลื่อนที่เร็วขึ้นอีก ในที่สุดเราก็พบเส้นทางที่นำเรากลับไปหาเพื่อนที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

จากประสบการณ์นี้ ข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่จริง การเดินทางมรรตัยของเราซึ่งมีความยากลำบาก ซับซ้อน ความเจ็บปวดและความผิดหวัง เป็นเพียงเศษเสี้ยวของแผนอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าในการเสริมสร้างเรา ดังที่พระเจ้าตรัสว่า “ลูกเอ๋ย สันติสุขจงมีแก่จิตวิญญาณของเจ้า ความยากลำบากของเจ้าและความทุกข์ของเจ้าจะอยู่เพียงชั่วครู่[5] และพระองค์จะทรงอุทิศความทุกข์ของลูกให้เป็นพรของลูก”[6]

ปฏิปักษ์พยายามทำให้ใจเราเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แต่เนื่องจากพระคริสต์ฟื้นคืนพระชนม์ เราแต่ละคนจะฟื้นคืนชีวิต เพราะพระองค์ทรงพระชนม์ เราจึงพบสันติสุข[7]และชีวิตนิรันดร์ได้[8] แต่ละวันใหม่เป็นโอกาสที่จะได้สัมผัสกับปีติและสันติสุขที่เป็นไปได้โดยการน้อมรับพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ในทุกด้านของชีวิตเรา เมื่อเรายึดถือพระนามของพระองค์ไว้ในใจและจิตวิญญาณ ไม่มีที่ว่างให้การล่อลวงและความซับซ้อนของโลกมีอิทธิพลต่อเรา เมื่อเรารักษาพระบัญญัติและพันธสัญญาของเรา เรามีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือและพรจากพระเจ้า[9]

 


[1] ยอห์น 14:27

[2] 3 นีไฟ 8:5-23

[3] 3 นีไฟ 8:5-23

[4] แอลมา 7:12

[5] หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:7

[6] 2 นีไฟ 2:2

[7] โมไซยาห์ 15:18

[8] โมเสส 1:39

[9] หลักคำสอนและพันธสัญญา 82:10