ข่าวสารจากผู้นำภาคเอเชีย (กันยายน 2024)

ทำตามพระผู้ช่วยให้รอดโดยปฏิบัติศาสนกิจต่อคนคนหนึ่ง

การเอื้อมออกไปหาใครสักคนต้องใช้ความรักและความเข้าใจที่จริงใจมากขึ้น แต่ต้องมีความอดทนมากขึ้นด้วย

เอ็ลเดอร์สุชาติ  ไชยชะนะ
เอ็ลเดอร์สุชาติ ไชยชะนะ สาวกเจ็ดสิบภาค

เดือนนี้ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกำลังจะครบรอบวันเกิดปีที่ 100 ของท่าน ท่านโพสต์บนหน้าเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของท่านว่าท่านไม่ต้องการของขวัญที่จับต้องได้ แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตของท่านสดใสขึ้นคือการที่เราทุกคน “ได้เข้าถึง” “คนๆ หนึ่ง” ในชีวิตของเรา คนที่อาจรู้สึกหลงทางหรือโดดเดี่ยว …ใครก็ตามที่ต้องการความช่วยเหลือ.”[1]

พระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดทรงแสดงตัวอย่างที่ดีมากมายให้เราเห็นระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ ซึ่งรวมถึงการรักษาผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องเลือดซึ่งถูกตัดสินว่า “ไม่สะอาด” ความรักและการเยียวยาที่พระองค์มอบให้กับคนโรคเรื้อนทั้งสิบคนที่ถูกสังคมรังเกียจ ความเมตตาของพระองค์ต่อหญิงที่ถูกจับได้ว่าล่วงประเวณีซึ่งหลายคนพร้อมที่จะขว้างด้วยหิน และการอภัยโทษต่อทหารโรมันที่เยาะเย้ย แทง และตรึงพระองค์ที่กางเขน.[2]

เรื่องราวที่สวยงามที่สุดเรื่องหนึ่งในพระคัมภีร์มอรมอนบันทึกไว้ในสามนีไฟ “และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือฝูงชนได้ออกไป, และยื่นมือพวกเขาเข้าไปในพระปรัศว์ของพระองค์, และสัมผัสรอยตะปูที่พระหัตถ์ของพระองค์และที่พระบาทของพระองค์; และการนี้พวกเขาทำ, โดยออกไปทีละคนจนพวกเขาทั้งหมดได้ออกไป,” [3] มีชายหญิงและเด็กชาวนีไฟประมาณ 2,500 คนมารวมตัวกันรอบพระวิหารในแผ่นดินอุดมมั่งคั่ง.[4]  ลองนึกภาพถ้าแต่ละคนใช้เวลาหนึ่งนาทีเพื่อสัมผัสพระเยซูคริสต์ทุกคน จะใช้เวลานานแค่ไหนในการสัมผัสพระองค์? พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนอะไรเรา พระองค์กำลังสอนว่าการเอื้อมออกไปหาใครสักคนต้องใช้ความรักและความเข้าใจที่จริงใจมากขึ้น แต่ต้องมีความอดทนมากขึ้นด้วย ผลลัพธ์นำมาซึ่งความสุขอย่างล้นหลาม

 


“จำไว้ว่าค่าของจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า.”

หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:10

นับตั้งแต่ได้รับเรียกเป็นสาวกเจ็ดสิบภาค ข้าพเจ้าเดินทางหลายร้อยไมล์และไปเยี่ยมหมู่บ้านและเมืองต่างๆ มากมายในภาคเอเชีย การเดินทางส่วนใหญ่คือการเยี่ยมเยียนสมาชิก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ  ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพวกเขาปรารถนาใครสักคนที่จะช่วยเหลือพวกเขาจริงๆ นี่อาจเป็นความต้องการทางโลกหรือทางร่างกาย แต่บ่อยครั้งทางวิญญาณก็เช่นกัน สุดสัปดาห์วันหนึ่ง ข้าพเจ้าไปเยี่ยมสาขาเล็กๆ ทางภาคเหนือของประเทศไทย ประธานสาขาขอให้ข้าพเจ้าไปเยี่ยม บราเดอร์ที่พิการคนหนึ่งที่เป็นสมาชิกของศาสนจักรมานานกว่าสามสิบปีแต่ไม่ได้มาโบสถ์นานเพราะอุบัติเหตุทำให้เขาเดินไม่ค่อยสะดวก  เราใช้เวลานานในการตามหาบ้านของชายคนนี้ ในที่สุดเราตระหนักว่าจะต้องจอดรถไว้บนถนนสายหลักแล้วเดินไปตามเส้นทางดินแคบๆ ยาวๆ เมื่อมองดูนาฬิกา ข้าพเจ้าพบว่าเราสายไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ และข้าพเจ้าเกือบจะยอมแพ้  จากนั้นข้าพเจ้าก็รู้ว่าเขารอการมาเยือนของเราตลอดทั้งวัน และเราใช้เวลาเดินเพียงไม่กี่นาทีก็ไปถึงเขา เมื่อเราถึงบ้านของเขา ข้าพเจ้าตกใจมาก! บราเดอร์คนนี้เคยเป็นชายหนุ่มเมื่อข้าพเจ้าพบเขาครั้งแรกเมื่อ 46 ปีก่อนขณะที่ข้าพเจ้ารับใช้เป็นผู้สอนศาสนาหนุ่มในสาขาเล็กๆ นี้  เขาชอบออกไปกับผู้สอนศาสนาและช่วยเราสอนผู้สนใจ ข้าพเจ้าไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่ข้าพเจ้าจบงานเผยแผ่ แม้ทราบภายหลังว่าเขาได้รับใช้งานเผยแผ่เต็มเวลาแล้วก็ตาม ข้าพเจ้าได้ยินมาด้วยว่าหลังจากกลับจากงานเผยแผ่มีบางอย่างเกิดขึ้นในชีวิตเขา และเขาแข็งขันน้อยลง การกลับมาพบกันอย่างไม่คาดฝันนี้ทำให้เราทั้งคู่มีความสุขมาก เป็นเพราะความพิการทางร่างกายทำให้เขาไม่สามารถไปโบสถ์ได้ หลังจากการเยี่ยมครั้งนี้ ประธานสาขาได้วางแผน ท่านขอให้เอ็ลเดอร์และผู้นำฐานะปุโรหิตไปเยี่ยมบ้านของชายคนนี้ทุกวันอาทิตย์เพื่อปฏิบัติศาสนกิจต่อเขา และปฏิบัติศีลระลึกให้เขา

ทำตามพระผู้ช่วยให้รอดโดยปฏิบัติศาสนกิจต่อคนคนหนึ่ง

ประสบการณ์นี้ช่วยให้ข้าพเจ้าเข้าใจอย่างแท้จริงว่าพระเจ้าทรงหมายถึงอะไรเมื่อพระองค์ทรงบอกเราว่า “จำไว้ว่าค่าของจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า.”[5]

อีกครั้ง ข้าพเจ้าขออ้างถึงข่าวสารของศาสดาพยากรณ์ของเรา “ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านพิจารณาร่วมกับการสวดอ้อนวอน ท่านรู้ไหมว่าใครบ้างที่อาจท้อแท้ ใครที่ท่านอาจต้องคืนดีกับเขาหรือขอการให้อภัย? เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีชื่อหนึ่งอยู่ในใจของท่าน แต่ท่านไม่รู้ว่าทำไม? เมื่อท่านนำคำถามเหล่านี้ไปทูลพระเจ้า พระองค์จะทรงดลใจท่านให้รู้ว่าท่านจะเอื้อมออกไปและยกผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือขึ้นได้อย่างไร พระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นแบบอย่างที่สวยงามอย่างยิ่งแก่เรา—ว่าโดยผ่านเราแต่ละคนปฏิบัติศาสนกิจต่อคนๆ หนึ่งที่เราเอื้อมถึง เราสามารถเผยแพร่ความรักของพระเยซูคริสต์ไปทั่วโลก.”[6]

 


[1]รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, Facebook, มิถุนายน 1 2024

[2] ลูกา 8:43-48, ลูกา 17:11-19, ยอห์น 8:1-11, ลูกา 23:39-43

[3] 3 นีไฟ 11:13-17

[4] 3 นีไฟ 17:25

[5] หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:10

[6] เนลสัน, Facebook