
“มนุษย์เป็นอยู่, เพื่อพวกเขาจะมีปีติ” [1]
สำหรับข้าพเจ้า ไม่มีข้อความใดที่ชัดเจนและสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ของการดำรงอยู่อย่างอมตะของเรามากไปกว่าพระคัมภีร์ข้อนี้ที่พบในพระคัมภีร์มอรมอน
ในช่วงที่เกิดโรคระบาด มีหลายครั้งเมื่อข้าพเจ้ารู้สึกสูญเสียปีติและไม่รู้ว่าจะกอบกู้มันกลับคืนมาได้อย่างไร ข้อจำกัดในการเดินทางหมายความว่าข้าพเจ้ากับทามิภรรยาไม่สามารถไปเยี่ยมลูกๆ ทั้งสามคนของเราได้ ซึ่งพวกเขามักจะเป็นแหล่งความสุขของเรา
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง โดยในช่วงนั้น ทามิและข้าพเจ้าถูก “กักตัว” ในบ้านของเราและบริเวณโดยรอบ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ข้าพเจ้าพบว่าตัวเองตั้งคำถามว่า “ปีติในชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน? เรื่องนี้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ เพราะข้าพเจ้ารู้ดีว่าจุดประสงค์ของชีวิตคือการมีปีติ
แล้วบางสิ่งก็เกิดขึ้น ทั้งละแวกเพื่อนบ้านของเราเริ่มทำอาหารและเสิร์ฟวันละสามมื้อให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและคนงานประมาณ 40 คน ที่ต้องพักอยู่ในบริเวณของเราตลอดช่วงกักตัว
“ปีติมาจากพระองค์และมาเพราะพระองค์ ... สำหรับวิสุทธิชนยุคสุดท้าย พระเยซูคริสต์คือปีติ”
รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน
ทามิกับข้าพเจ้าร่วมกับเพื่อนบ้านหลายคนผลัดกันทำอาหารให้กับคนงานเหล่านี้ และนำอาหารไปส่งให้พวกเขาได้ทานท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย เราเริ่มตั้งตารอที่จะได้เห็นรอยยิ้มและความสุขที่มอบให้กับคนงานจำนวนมาก ในแต่ละวันปีติก็กลับเข้ามาในชีวิตของเรา พวกเรายังสังเกตเห็นว่าการรับใช้ที่เปี่ยมด้วยน้ำใจเหล่านี้กับเพื่อนใหม่และเพื่อนบ้านของเรา ค่อย ๆ ก่อให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกและความสุขที่อบอวลด้วยความเป็นชุมชนและความห่วงใยในหัวใจของทุกคนในละแวกบ้านของเรา
ดังที่เอ็ลเดอร์ ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟเตือนเรา “เมื่อท่านอยู่ในการรับใช้เพื่อนมนุษย์ของท่าน ท่านก็อยู่ในการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าของท่านนั่นเอง” และพระเจ้าจะทรงตอบแทนความเมตตาของท่านอย่างล้นเหลือ ปีติที่ท่านมอบให้ผู้อื่นจะกลับมาหาท่าน “แบบยัดสั่นแน่นพูนล้น” [2] ดูเหมือนว่าการปล่อยให้ปีติในความรักของพระผู้เป็นเจ้าหลั่งไหลจากเราไปสู่ผู้อื่นทำให้เรามีปีติ
ผู้นำศาสนจักรที่ฉลาดท่านหนึ่งเคยบอกข้าพเจ้าว่า “เมื่อคุณรู้สึกแย่ ให้นับพรของคุณ” พรประการหนึ่งที่ข้าพเจ้านับได้คือโอกาสครั้งที่สองที่มอบให้ข้าพเจ้าในแต่ละวันผ่านการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด เราสัมผัสได้ถึงปีติจากความรักของพระผู้ช่วยให้รอดที่หลั่งไหลมาสู่เราเมื่อเรารับข้อเสนอของพระองค์ที่จะ “เป็นหนึ่งเดียวกัน” กับพระผู้เป็นเจ้าผ่านการถ่อมตนและกลับใจ

บ่อยครั้งที่ข้าพเจ้าจะนำพระผู้ช่วยให้รอดเข้ามาและรับข้อเสนอการชดใช้ของพระองค์และ “รู้สึกอยากร้องเพลงสดุดีความรักที่ไถ่” [3] ข้าพเจ้าทราบเป็นส่วนตัวถึงความรู้สึกมีความสุขที่แอลมาผู้บุตรอุทานออกมา “...ไม่มีอะไรเลยจะเป็นที่สุดและหอมหวานได้เท่าปีติของพ่อ” [4]
พบปีติอันยั่งยืนในการเลือกดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ปีติมาหาเราเมื่อเราปล่อยให้ความรักของพระองค์ไหลออกมาจากใจของเราและแบ่งปันกับผู้อื่นผ่านการรับใช้พวกเขา ในขณะที่เราจินตนาการว่าพระองค์จะทรงทำอะไร และความปิติเข้ามาสู่เราเมื่อเราปล่อยให้ความรักของพระผู้ช่วยให้รอดไหลเข้าสู่จิตวิญญาณ ด้วยการรับการไถ่บาปของพระองค์ด้วยใจที่เต็มไปด้วยความสำนึกคุณ
ดังศาสดาพยากรณ์ของเรา ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันสอนเรา “ปีติมาจากพระองค์และมาเพราะพระองค์ ... สำหรับวิสุทธิชนยุคสุดท้าย พระเยซูคริสต์คือปีติ” [5]
ข้าพเจ้ามีประจักษ์พยานส่วนตัวว่าเมื่อเรามีส่วนร่วมในความรักของพระผู้ช่วยให้รอดผ่านการรับใช้ผู้อื่นและโดยการยอมรับการไถ่บาปของพระองค์ สิ่งยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นแม้กระทั่งปาฏิหาริย์ – ปาฏิหาริย์แห่งความรู้ที่เพิ่มขึ้น ปาฏิหาริย์แห่งศรัทธาที่ลึกซึ้ง ปาฏิหาริย์แห่งความรัก และปาฏิหาริย์ แห่งปีติชั่วนิรันดร์
- 2 นีไฟ 2:25
- ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ, “ปีติที่สูงขึ้น”, เลียโฮนา, พฤษภาคม 2024, 69
- แอลมา 5:26
- แอลมา 36:21
- รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ปีติและการอยู่รอดทางวิญญาณ”, เอ็นไซน์ หรือ เลียโฮนา, พ.ย. 2016, 82-83