ข่าวสารจากผู้นำภาคเอเชีย (กุมภาพันธ์ 2025)

พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นฟูศาสนจักรของพระองค์

เอ็ลเดอร์ไมเคิล จอห์น เทห์
เอ็ลเดอร์ไมเคิล จอห์น เทห์ ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานภาคเอเชีย

ในปี 1830 พระเจ้าทรงกำกับดูแลศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธให้จัดตั้งศาสนจักรของพระองค์ผ่านการเปิดเผย  ด้วยเหตุนี้ การฟื้นฟูศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ตามที่พยากรณ์และรอคอยมานานจึงเกิดขึ้นในเฟเยทท์ นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 ศาสดาพยากรณ์สมัยโบราณทุกคนตั้งตารอวันนั้น  เป็นศาสนจักรเดียวกันกับที่มีอยู่ในช่วงความเรืองโรจน์แห่งเวลาและอัครสาวกเปาโลบรรยายว่า: “….ถูกก่อร่างสร้างขึ้นบนรากฐานของบรรดาอัครทูตและบรรดาผู้เผยพระวจนะ มีพระเยซูคริสต์เป็นศิลาหัวมุม”  (เอเฟซัส 2:20) รูปแบบและการจัดระเบียบเดียวกันนี้มีอยู่ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ศาสนจักรของพระคริสต์ในยุคปัจจุบันซึ่งพระองค์เองทรงตั้งชื่อตามการเปิดเผย (คพ. 115:4)

 

สิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นคือจุดสูงสุดของเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เริ่มต้นเมื่อพระบิดาและพระบุตรทรงปรากฏต่อเด็กหนุ่มโจเซฟในฤดูใบไม้ผลิปี 1820 ซึ่งเริ่มต้น “สมัยการประทานแห่งความสมบูรณ์แห่งเวลา, เพื่อเวลาสุดท้ายซึ่งสิ่งทั้งปวงจะถูกรวมไว้เป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์, ทั้งที่อยู่ในสวรรค์, และที่อยู่บนแผ่นดินโลก;”  (เอเฟซัส 1:10, คพ. 27:13) สมัยการประทานของเรายิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาสมัยการประทานทั้งหมด สมัยการประทานที่จะนำไปสู่การเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้าพระเยซูคริสต์

 

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ กับสมาชิกดั้งเดิมหกคน ปัจจุบันศาสนจักรมีสมาชิก 17 ล้านคน ในหน่วยต่างๆ ของศาสนจักร 31,490 หน่วย แบ่งออกเป็นสเตคและท้องถิ่นมากกว่า 4,000 แห่ง และตั้งอยู่ในกว่า 100 ประชาชาติและเขตปกครองทั่วโลก  นี่เป็นพรแก่บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าในวิธีอันน่าอัศจรรย์  สเตคแห่งไซอันได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อจะเป็นความเข้มแข็งและเป็นที่คุ้มภัยของวิสุทธิชน (คพ. 115:6)


“มีการพึ่งพากันที่สำคัญระหว่างการรักพระเจ้ากับการรักกันและกัน... ความสามารถของเราที่จะติดตามพระเยซูคริสต์ก็ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งและพลังของเราที่จะดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติข้อแรกและข้อสองอย่างสมดุลและอุทิศตนให้ทั้งสองข้ออย่างเท่าเทียมกัน”

เอ็ลเดอร์แกรีย์ อี. สตีเวนสัน

พระเยซูคริสต์ทรงสถาปนาศาสนจักรของพระองค์เพื่อให้บุคคลและครอบครัวสามารถช่วยเหลือพระผู้เป็นเจ้าในการทำงานแห่งความรอดและความสูงส่งของพระองค์ให้เกิดสัมฤทธิผล  เพื่อช่วยให้บรรลุจุดประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ ศาสนจักรและผู้นำจัดเตรียม: สิทธิอำนาจและกุญแจฐานะปุโรหิต พันธสัญญาและศาสนพิธี การกำกับดูแลจากศาสดาพยากรณ์ พระคัมภีร์ การสนับสนุนการเรียนรู้และการสอนพระกิตติคุณ โอกาสในการรับใช้และการเป็นผู้นำ และชุมชนของวิสุทธิชน (คู่มือทั่วไป 1.3)

 

เมื่อเรารับบัพติศมาเป็นสมาชิกของศาสนจักรแล้ว เราทำพันธสัญญาที่จะเชื่อฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าและรับใช้ผู้อื่น เราสัญญาว่าจะ “โศกเศร้ากับคนที่โศกเศร้า; แท้จริงแล้ว, และปลอบโยนคนที่ต้องการการปลอบโยน, และยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาและในทุกสิ่ง, และในทุกแห่ง... แม้จนถึงความตาย…” (โมไซยาห์ 18:9) แม้จะเป็นความจริงที่ศาสนจักรได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเราในการเดินทางกลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์ แต่เรายังมีความรับผิดชอบในการนำคนอื่นๆ ไปพร้อมกับเราด้วย นอกจากการถามว่าศาสนจักรสามารถช่วยเราได้อย่างไรแล้ว เราควรถามอย่างกระตือรือร้นและเต็มใจด้วยว่า “ฉันจะทำอะไรเพื่อศาสนจักรและพี่น้องของฉันได้บ้าง”

 

อัจฉริยภาพของแผนแห่งความรอดของพระผู้เป็นเจ้าคือการเติบโตและความก้าวหน้าของเราขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถรักษาพระบัญญัติสองข้อสำคัญได้ดีเพียงใด นั่นคือ ประการแรก  รักพระผู้เป็นเจ้า และประการที่สอง  รักเพื่อนบ้านของเรา

 

เอ็ลเดอร์แกรีย์ อี. สตีเวนสันสอนว่า “มีการพึ่งพากันที่สำคัญระหว่างการรักพระเจ้ากับการรักกันและกัน... ความสามารถของเราที่จะติดตามพระเยซูคริสต์ก็ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งและพลังของเราที่จะดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติข้อแรกและข้อสองอย่างสมดุลและอุทิศตนให้ทั้งสองข้ออย่างเท่าเทียมกัน” (แกรีย์ อี. สตีเวนสัน“เชื่อมพระบัญญัติสำคัญสองข้อเข้าด้วยกัน” เลียโฮนา พฤษภาคม 2024 หน้า 107) ศาสนจักรเปิดโอกาสให้เราทำทั้งสองข้อ

พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นฟูศาสนจักรของพระองค์

การที่เรามองขึ้นไปบนสวรรค์แต่ไม่ใส่ใจคนรอบข้างนั้นไม่เพียงพอ พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนเราเรื่องนี้อย่างชัดเจนผ่านตัวอย่างของพระองค์ พระองค์ทรงภักดีต่อพระบิดาและยังทรงทำความดีอีกด้วย มีโอกาสเติบโตที่ยอดเยี่ยมมากมายที่เราจะได้รับเมื่อเราช่วยสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าและรับใช้ผู้อื่น เมื่อสมาชิกโอบรับโอกาสในการรับใช้ ครอบครัววอร์ดและสาขาของเราจะกลายเป็นชุมชนของวิสุทธิชนที่รับใช้และรักกันด้วยความปิติ

ข้าพเจ้าได้พบกับชุมชนของวิสุทธิชนเหล่านี้ในระหว่างการเดินทางหลายครั้งของข้าพเจ้า ช่างวิเศษเหลือเกินที่ได้ค้นพบว่าที่ใดก็ตามที่มีหน่วยของศาสนจักรที่มีการจัดตั้งขึ้น เราก็พบกลุ่มคนที่ต้อนรับเราในฐานะพี่น้อง “เพราะฉะนั้น พวกท่านจึงไม่ใช่คนนอกและคนต่างด้าวอีกต่อไป แต่เป็นพลเมืองเดียวกับบรรดาธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า” (เอเฟซัส 2:19) เราได้รับความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านอย่างแท้จริง ได้รับการต้อนรับ ยอมรับ และรู้สึกปลอดภัยในหน่วยศาสนจักรใดก็ตามที่เราไปอยู่

 

เราหวังและสวดอ้อนวอนว่าในใจของสมาชิกทุกคนในศาสนจักรจะมีความปรารถนาไม่เพียงที่จะเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังจะรับใช้และช่วยสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าด้วย เราหวังอีกด้วยว่าเมื่อเพื่อนๆ และผู้มาเยี่ยมเข้าร่วมการนมัสการหรือกิจกรรมอื่นๆ กับเรา พวกเขาจะพบกับชุมชนแห่งความรักของวิสุทธิชน ราวกับว่าพวกเขากำลังเห็นป้ายนีออนในใจและบนใบหน้าของเราที่กะพริบเป็นข้อความว่า “ยินดีต้อนรับสู่ศาสนจักรแห่งปีติ!” (เอ็ลเดอร์แพทริก เคียรอน “ยินดีต้อนรับสู่ศาสนจักรแห่งปีติ!” เลียโฮนา พ.ย. 2024)