เมื่อวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ณ อาคารเสริมพระวิหารกรุงเทพฯ ประเทศไทย เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความรู้ สมาคมศิษย์เก่า BYU–Hawaii ประเทศไทย ได้จัดการสัมมนาในหัวข้อ 'การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการพัฒนาเด็ก' ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางถึงความสำคัญในการสร้างเสริมอนาคตของเยาวชนของเรา
งานสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติอย่างสูงจาก ดร. ทีน่า เอ็ม. เทย์เลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการให้คำปรึกษาและการศึกษาพิเศษจาก Brigham Young University Provo รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ดร. เทย์เลอร์ ได้นำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจและลึกซึ้งเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตร ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ปกครองและผู้ที่สนใจ ผู้เข้าร่วมงานกว่า 20 คน ซึ่งประกอบด้วยศิษย์เก่า BYU–Hawaii และครอบครัว รวมถึงคณาจารย์และเพื่อนจากมหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากประสบการณ์และความรู้ของท่าน
ทำความเข้าใจรูปแบบการเลี้ยงดูบุตรที่แตกต่างกัน
หัวใจของการบรรยายของ ดร. เทย์เลอร์ คือการทำความเข้าใจ รูปแบบการเลี้ยงดูบุตรหลักสี่รูปแบบที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของเด็กอย่างมีนัยสำคัญ:
1. การเลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลย (Permissive Parenting):
รูปแบบนี้มีลักษณะเด่นคือผู้ปกครองมักจะมีความผ่อนปรนสูง มีกฎเกณฑ์น้อยหรือไม่เข้มงวดและมักตอบสนองความต้องการของเด็กโดยไม่กำหนดขอบเขตที่ชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลให้เด็กขาดวินัยและไม่สามารถควบคุมตนเองได้
2. การเลี้ยงดูแบบไม่ใส่ใจ (Uninvolved Parenting):
ผู้ปกครองในรูปแบบนี้มักจะขาดการมีส่วนร่วมในชีวิตของบุตรหลาน ขาดการดูแลเอาใจใส่ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางอารมณ์และพฤติกรรมในเด็กได้
3. การเลี้ยงดูแบบเผด็จการ (Authoritarian Parenting):
รูปแบบนี้มีลักษณะที่ผู้ปกครองมีอำนาจและควบคุมสูง กำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดโดยไม่ให้เหตุผล และคาดหวังให้เด็กเชื่อฟังโดยไม่มีข้อโต้แย้ง แม้จะช่วยสร้างวินัยได้ แต่ก็อาจส่งผลให้เด็กขาดความคิดริเริ่มและความมั่นใจในตนเอง
4. การเลี้ยงดูแบบมีอำนาจหน้าที่ (Authoritative Parenting):
รูปแบบนี้ถือเป็นรูปแบบที่สมดุลและมีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ปกครองจะกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและให้เหตุผล ควบคุมพฤติกรรมอย่างเหมาะสม แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความอบอุ่น ความเข้าใจ และส่งเสริมความเป็นอิสระของเด็ก ซึ่งช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่รอบด้านและมีสุขภาพจิตที่ดี
กุญแจสู่การเลี้ยงดูบุตรแบบมีอำนาจหน้าที่ใน 4 มิติสำคัญ
ดร. เทย์เลอร์ ได้เจาะลึกถึงวิธีการนำ การเลี้ยงดูบุตรแบบมีอำนาจหน้าที่ ไปประยุกต์ใช้ใน สี่มิติสำคัญของพัฒนาการเด็ก ซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตที่สมบูรณ์:
- พัฒนาการทางสติปัญญา (Intellectual Development):
การส่งเสริมให้เด็กมีโอกาสสำรวจ ตั้งคำถาม และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การสนับสนุนการอ่าน การแก้ปัญหา และการคิดเชิงวิพากษ์
- พัฒนาการทางร่างกาย (Physical Development):
การดูแลให้เด็กมีโภชนาการที่เหมาะสม ได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนเพียงพอ รวมถึงการสร้างนิสัยรักสุขภาพที่ดี
- พัฒนาการทางจิตวิญญาณ (Spiritual Development):
การปลูกฝังค่านิยม จริยธรรมและความเข้าใจในคุณค่าทางจิตวิญญาณ การส่งเสริมให้เด็กมีความเมตตา เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมีความผูกพันกับสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
- พัฒนาการทางสังคม-อารมณ์ (Social-Emotional Development):
การสอนให้เด็กเข้าใจและจัดการกับอารมณ์ของตนเอง การพัฒนาทักษะทางสังคม เช่น การสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
งานสัมมนาปิดท้ายลงด้วย แบบประเมินตนเองเรื่องการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ซึ่งเป็นเครื่องมืออันทรงคุณค่าที่ผู้เข้าร่วมสามารถนำกลับไปทบทวนบทบาทและปรับปรุงแนวทางการเลี้ยงดูบุตรของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม
สมาคมศิษย์เก่า BYU–Hawaii ประเทศไทย ขอขอบคุณ ดร. ทีน่า เอ็ม. เทย์เลอร์ สำหรับการบรรยายที่เปี่ยมด้วยความรู้และสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงผู้เข้าร่วมทุกท่านที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับเยาวชนของเรา การรวมตัวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ในหมู่ศิษย์เก่าและสร้างเครือข่ายที่มีคุณค่าในสังคม เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้จัดการรวมตัวเช่นนี้อีกในอนาคตอันใกล้ เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันต่อไป