(ข่าวท้องที่ 5 มกราคม ค.ศ. 2025)

หนึ่งนาที

หนึ่งนาที โดย วิศิษฐ์ คณาคำ ประธานพระวิหารกรุงเทพ ประเทศไทย

ในช่วงเดือนธันวาคม 2024 ผมได้รับฟังคำถามและการบอกกล่าวจากพี่น้องสมาชิกหลายท่านที่เป็นเจ้าหน้าที่ศาสนพิธีพระวิหารว่าจะทำอย่างไรดีเกี่ยวกับสถานะของการเป็นผู้รับใช้ในพระวิหารของตัวเอง ผมรับโทรศัพท์จากพี่น้องชายท่านหนึ่งจากต่างจังหวัดว่าตัวเขาเองมีคำถามภายในใจและครุ่นคิดไตร่ตรองอย่างจริงจังมาระยะหนึ่งแล้วแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรจึงตัดสินใจโทรศัพท์ถึงประธานพระวิหารเพื่อสวัสดีปีใหม่เช้าตรู่ของวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมาและขอเวลาหนึ่งนาทีคุยกับประธานพระวิหารว่า “ผมควรเปลี่ยนสถานะตัวเองโดยการลาออกจากการเป็นเจ้าหน้าที่ศาสนพิธีพระวิหารดีหรือไม่ พร้อมบอกความในใจอย่างตรงไปตรงมาด้วยความจริงใจว่าผมสมควรจะลาออกไหมเนื่องจากที่ผ่านมาผมไม่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นประจำตามตารางที่ตนเองได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ ผมรู้สึกเกรงใจเพื่อนๆ ที่รับใช้ใ้นรอบเวรเดียวกันและรู้สึกว่าตัวเองได้เพิ่มภาระรับผิดชอบงานพระวิหารให้กับคนอื่นๆ”

ผมในฐานะประธานพระวิหารเปิดใจเล่าให้เจ้าหน้าที่ชายคนเดียวกันนี้ฟังว่า จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมกับเมทรอนพระวิหารบางคร้ังรู้สึกเหนื่อยอ่อนทางกายภาพตามอายุขัยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เฉกเช่นพี่น้องที่รับใช้และอยู่ในวัยที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน บางวันเมื่อเราคุกเข่าสวดอ้อนวอน เราอยากบอกพระองค์ว่าเราสองคนมีขีดจำกัดอย่างที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้และคิดถึงอีกทางเลือกหนึ่ง ทุกคร้ังก่อนที่จะเอ่ยปากบอกพระองค์อย่างที่ใจปรารถนาแต่เมื่อหวนคิดถึงความรักของพระเยซูคริสต์ที่ทรงไถ่เราจากบาปผ่านการชดใช้อันไม่มีขอบเขตของพระองค์ เรารู้ทันทีว่าสิ่งที่เราจะเอ่ยปากบอกพระองค์ในคำสวดออ้นวอนของเรานั้นไม่ใช่การต่อรองพระองค์แต่กลับเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่งเข้ามาแทนที่ นั่นคือความรู้สึกขอบคุณพระองค์และสำนึกคุณต่อคำของศาสดาพยากรณ์ที่พร่ำสอนเสมอมาว่าพระวิหาร บ้านและโบสถ์เป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ และพระวิหารเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เราสัมผัสกับพลังเดชานุภาพของพระองค์ได้ทุกคร้ังเมื่อเราอยู่ในพระวิหาร พระผู้เป็นเจ้าทรงเชื้อเชิญให้เราแต่ละคนยืนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมผู้คนที่ศักดิ์สิทธิ์ และในสภาพแวดล้อมที่ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นบราเดอร์คนดังกล่าวจากวอร์ดร้อยเอ็ด สเตคอุบล พูดต่อจากผมทันทีว่า “ผมเองก็เช่นเดียวกันครับ ผมมีความสุขสงบและมีสันติในใจ ทุกคร้ังเมื่อไปรับใช้ที่พระวิหาร ผมรักพระผู้เป็นเจ้ามากและผมได้รับคำตอบแล้ว ผมจะพยายามทำดีขึ้นในปีใหม่ 2025 นี้ครับ” เราเรียนรู้ด้วยตัวเราเองว่า พระวิหารกับเรานั้นเป็นเรื่องส่วนตัวหรือปัจเจกบุคคลระหว่างเรากับพระผู้เป็นเจ้า เรามาหาพระองค์ ปรนนิบัติพระองค์เพราะรักพระองค์ พระวิหารเสมือนหนึ่งเป็นสวรรค์จำลองที่เปิดโอกาสใหเ้ราเตรียมตัวเองให้พร้อมและดีที่สุดก่อนการเดินทางกลับไปยังที่ประทับของพระองค์ในสวรรค์  หลังจากที่เราจากชีวิตมรรตัยนี้ไปแล้ว ผมรู้ว่าคงไม่มีใครต้องการสูญเสียโอกาสพิเศษเช่นนี้ ขอให้เราจับมือกันเดินหน้าและไม่หยุดยั้งในการเรียกที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อการรับใช้ที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ต่อไป ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน