ผมได้เห็นงานอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องแห่งศรัทธาในพระเยซูคริสต์แต่ละคนที่เข้ามารับใช้ที่พระวิหารกรุงเทพประเทศไทยในฐานะเจ้าหน้าที่พระวิหาร ผมยืนยันว่าคนเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะมีประจักษ์พยานและประสบการณ์ส่วนตัวที่ดีมากจากการรับพรพระวิหารเท่านั้น แต่ทุกคนล้วนมีหัวใจแห่งพระวิหารที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความผาสุขทางวิญญาณเหมือนดั่งเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับศาสดาพยากรณ์ในสมัยโบราณท่านหนึ่งชื่อลีไฮ ท่านเห็นนิมิตของต้นไม้แห่งชีวิต ท่านรับส่วนผลของต้นไม้นั้นและปรารถนาให้ครอบครัวทำเช่นเดียวกัน มีการบันทึกเรื่องราวที่น่าประทับใจไว้ในพระคัมภีร์มอรมอน ใน 1 นีไฟ 8:11 “และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือพ่อออกไปและรับส่วนของผลจากต้นไม้นั้น; และพ่อเห็นว่ามันหวานที่สุด, เหนือกว่าทุกสิ่งที่พ่อเคยชิมรสมา. แท้จริงแล้ว, และพ่อเห็นว่าผลจากต้นไม้นั้นขาว, ยิ่งกว่าความขาวทั้งหมดที่พ่อเคยเห็นมา.”
ครอบครัวโทขันเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่พระวิหารทั้งหมดที่ช่วยสะท้อนให้ผมเห็นภาพซ้อนของครอบครัวลีไฮในยุคปัจจุบันโดยเอื้อมมืออกไปให้ถึงอีกหลายชีวิต นี่เป็นเรื่องจริงที่ทั้งสองสามีภรรยากำลังพยายามกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ในการ “ช่วยทีละคน” ซิสเตอร์โทขันกล่าวว่า
ดิฉันและสามี มีโอกาสรับใช้เป็นเจ้าหน้าที่พระวิหารตั้งแต่พระวิหารกรุงเทพเปิดให้ทำศาสนพิธี เวลาผ่านไปราวปีครึ่ง มีผู้เข้ามารับพรพระวิหารจากหลายประเทศ จากผู้ที่มาเข้าร่วมทั้งหมดพี่น้องสมาชิกชาวไทยมารับศาสนพิธีค่อนข้างบางตา ดิฉันนึกแปลกใจและปรารถนาจะเห็นพี่น้องชาวไทยมารับพรพระวิหารมากขึ้นอีก ดิฉันนึกถึงครั้งแรกที่ประธานอนันต์ เอ็ลดริจ เชิญชวนและสนับสนุนให้พี่น้องสมาชิกชาวไทยไปพระวิหารมะนิลา ฟิลิปปินส์ เมื่อปี 1990 ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ในตอนแรกแรกปฏิเสธการไปพระวิหารเพราะคิดว่านั่นเป็นเรื่องของคนที่จะไปผนึกครอบครัวหรือคนที่จะไปแต่งงานในพระวิหารเท่านั้น ส่วนดิฉันเป็นคนโสดจึงไม่มีความจำเป็นต้องไป ประธานอนันต์เรียกดิฉันไปพบเป็นการส่วนตัว สอนหลักธรรม และเชื้อเชิญด้วยความเอาใจใส่ จนดิฉันเข้าใจและติดสินใจไปพระวิหารเพื่อรับศาสนพิธีส่วนตัว และเตรียมรายชื่อบรรพชนสายตรง 4 ชั่วอายุไปทำศาสนพิธี หลังจากนั้นมีหลายสิ่งในชีวิตของดิฉันที่เปลี่ยนไป 3 ปีต่อจากนั้นดิฉันไปแต่งงานในพระวิหาร อีก 1 ปีต่อจากนั้นคุณพ่อของดิฉันรับบัพติศมาตอนที่มีอายุ 80 ปี และอีก 1 ปีหลังจากนั้นท่านไปพระวิหารเพื่อรับศาสนพิธีส่วนตัวและผนึกครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้วก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตในปีต่อมา
“เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จไปยังทวีปอเมริกา พระองค์ทรงรักษาโรคให้กับชาวนีไฟที่เจ็บป่วย ‘ทีละคน’ ทรงอวยพรให้เด็ก ‘ทีละคน’ เมื่อดิฉันนึกถึงสิ่งนี้ ดิฉันและสามีจึงแบ่งเวลาที่รับใช้ในพระวิหาร และออกไปทำงานในแบบ ‘ช่วยทีละคน’ กับพี่น้องสมาชิกโดยเริ่มจากคนใกล้ตัวที่เอื้อมถึง โดยเชิญชวนด้วยความเอาใจใส่เหมือนดังที่ประธานอนันต์เคยช่วยดิฉัน เราสองคนช่วยทำงานประวัติครอบครัว ช่วยติดต่อประสานงานเพื่อมารับศาสนพิธี สอนหลักธรรมเพื่อเตรียมตัวเข้าพระวิหาร จัดกิจกรรมเป็นกลุ่มเล็กๆ เพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องสมาชิกมารับพรพระวิหาร ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องสมาชิกที่อยู่ไกล และเพื่อให้ทำงานได้รวดเร็วและได้ผลมากขึ้น “พระวิหารเป็นพรสำหรับชีวิตของดิฉันและครอบครัวเป็นอย่างมาก หากดิฉันพยายามมากขึ้นอีกนิดอาจช่วยให้คนที่อาจยังไม่เข้าใจเหมือนที่ดิฉันเคยไม่เข้าใจมาก่อน ให้ได้เข้าใจมากขึ้นและอาจเป็นธงสัญญาณพาพวกเขามาหาพระคริสต์ และรับการช่วยให้รอด ทีละคน ทีละคน ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน”
ผมซาบซึ้งมากเมื่อเห็นทั้งคู่เอื้อมมือออกไปให้ถึงพี่น้องสมาชิกทั้งในวอร์ดบางนา หลายวอร์ดในสเตคกรุงเทพและอีกหลายแห่งในสเตคและท้องถิ่นอื่นๆ ทั่วประเทศไทยและผมมั่นใจว่ามีพี่น้องจำนวนเพิ่มมากขึ้นที่ได้สัมผัสและลิ้มรสกับความหอมหวานของพรในพระวิหารในช่วงเวลาที่ผ่านมาและตลอดไป