(ข่าวท้องที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 2024)

เสียงสะท้อนทางวิญญาณ

พระวิหาร

ในช่วง 2 สัปดาห์ที่พระวิหารปิดทำการตั้งแต่วันที่ 4 – 18 พฤศจิกายนเพื่องานบำรุงซ่อมแซม ผมและภรรยาได้ฟังประสบการณ์จากผู้ร่วมศาสนพิธีและเจ้าหน้าที่ศาสนพิธีพระวิหารมากกว่า 100 คน จาก 6 วอร์ด และ 3 สาขาในสเตคอุบล โดยประชุมผ่านซูม ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าวิถีชีวิตประจำวันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจริงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเดินอยู่บนเส้นทางแห่งพันธสัญญาพระวิหาร ซึ่งเป็นพันธสัญญาแห่งความสุข ความปิติยินดี และความเบิกบานใจ 

เดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าช่วยให้พวกเขารู้จักพระเยซูคริสต์มากขึ้น มีสันติและรู้สึกถึงการประทับอยู่ของพระองค์ในสภาพแวดล้อมที่อบอวลไปด้วยอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทุกคนรู้สึกถึงความสงบ ซึ่งสัมผัสได้ไม่ยากนักด้วยบรรยากาศทางวิญญาณ ความคารวะและความศักดิ์สิทธิ์ในพระวิหารเปิดโอกาสให้พวกเขาไตร่ตรองถึงการเปิดเผยและการดลใจส่วนตัวที่ไม่ขัดต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ช่วยให้เข้าใจและซาบซึ้งต่อความรักความเมตตาของพระเยซูคริสต์ที่ทรงมอบให้แต่ละคนผ่านการชดใช้ของพระองค์

ผมและภรรยาฟังเสียงสะท้อนทางวิญญาณนี้บนพื้นฐานข้อเท็จจริงที่ทุกคนต่างยอมรับว่าในความเป็นมนุษย์ธรรมดาชีวิตจริงของแต่ละคนไม่มีเพียงเรื่องง่ายไปเสียทุกอย่าง ชีวิตมีสีสันแตกต่างกันไป มีรสชาติเข้มข้นที่อาจคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันเลยเสียทีเดียวและทุกคนยังคงนับพระพรได้แม้บางครั้งต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ทุกคนทราบว่าทุกอย่างเกิดขึ้นและเป็นไปเพื่อความก้าวหน้านิรันดร์ของตนเองตามแผนของพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีใครผิดหวังจากการจัดสรรเวลาส่วนตัวเข้าพระวิหารเพื่อรับศาสนพิธีต่างๆ ให้กับตนเองและแทนบรรพชนได้มารู้จักกับพระเยซูคริสต์และสื่อสารกับพระองค์มากขึ้นกว่าเดิม

พันธสัญญาพระวิหารทั้ง 5 ประการไม่ว่าจะเป็น กฎแห่งการเชื่อฟัง กฎแห่งการพลีบูชา กฎแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ กฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ และกฎแห่งการอุทิศถวาย ล้วนเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้พัฒนาตนเองให้ดีขึ้นในแต่ละวัน เช่น อ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งขึ้น เชื่อฟังมากขึ้น รักมากขึ้น ให้อภัยง่ายขึ้น ขยันมากขึ้น อดทนนานขึ้น ยิ้มง่ายขึ้น พร้อมกลับใจอยู่เสมอ ใช้ชีวิตที่สะอาดขึ้น เต็มใจช่วยเหลือคนอื่นมากขึ้น มีทัศนคติที่ดีขึ้น มีความหวังเพิ่มขึ้น มองโลกในแง่ดีและสร้างสรรค์มากขึ้น นอกจากนี้สิ่งที่ได้ยินขัดเจนคือพระวิหารเป็นเหมือนโรงเรียนและบ้านทำให้ผมนึกถึงหลักคำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 88 ข้อที่ 119 ซึ่งกล่าวไว้ดังนี้ “จงวางระเบียบตนเอง; เตรียมสิ่งที่จำเป็นทุกอย่าง; และสถาปนาบ้าน, แม้บ้านแห่งการสวดอ้อนวอน, บ้านแห่งการอดอาหาร, บ้านแห่งศรัทธา, บ้านแห่งการเรียนรู้, บ้านแห่งรัศมีภาพ, บ้านแห่งระเบียบ, บ้านแห่งพระผู้เป็นเจ้า” โดยมีเจ้าหน้าที่ศาสนพิธีพระวิหารทุกคนเป็นเหมือนดั่งเทพคอยปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้ร่วมศาสนพิธีด้วยความอบอุ่น ความรัก ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ ด้วยการยิ้มแย้มแจ่มใส ความเรียบร้อย ความอ่อนหวาน และด้วยมารยาทงาม

ขณะนั่งฟังประสบการณ์ทางวิญญาณของเจ้าหน้าที่แต่ละคนผ่านซูม เราทั้งสองได้รับการยืนยันในใจว่าทุกคนสัมผัสถึงความศักดิ์สิทธิ์จริง ตามการบันทึกในหลักคำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 109 ข้อที่ 13 กล่าวไว้ดังนี้ “และเพื่อผู้คนทั้งปวงซึ่งจะเข้าสู่ธรณีประตูพระนิเวศน์ของพระเจ้าจะรู้สึกถึงเดชานุภาพของพระองค์,และรู้สึกจำนนต่อการยอมรับว่า พระองค์ทรงชำระให้ที่นี่บริสุทธิ์, และว่าที่นี่เป็นพระนิเวศน์ของพระองค์, สถานที่แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์.”

พระวิหารช่วยเปลี่ยนวิถีชีวิตของทุกคนได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะเมื่อมาพระวิหารครั้งใดก็ตาม พระวิหารได้ช่วยให้ตนเองวางภาระทางโลกทั้งหมดไว้นอกพระวิหารแล้วหยุดนิ่งจากความวุ่นวายทางโลก ช่วยแสวงหาความเข้มแข็งและพลังทางวิญญาณที่เกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาของความคารวะด้วยบรรยากาศเงียบสงบขณะอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าในบ้านของพระองค์ พระวิหารยังช่วยให้ได้ครุ่นคิดและไตร่ตรอง พระวิหารเป็นสถานที่ที่สอนให้เราสงบนิ่งมีใจจดจ่ออยู่ที่พระพระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ ทำให้เราฟังและได้ยินสุรเสียงอันเรียบง่ายและแผ่วเบาของพระผู้เป็นเจ้าชัดเจนขึ้น และมีใจปรารถนาอยากทำดี กลับใจและปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นหลังจากที่ผูกมัดคำมั่นสัญญากับพระผู้เป็นเจ้าโดยยินยอมทำตามพันธสัญญาพระวิหารทุกประการ

ประสบการณ์ที่เจ้าหน้าที่ทุกคนเล่าให้ฟังเป็นการยืนยันว่าแต่ละคนกำลังเดินบนเส้นทางแห่งพันธสัญญาพระวิหารด้วยการลงมือปฏิบัติจริงตามคำแนะนำของศาสดาพยาการณ์ของพระองค์ ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ผมสำนึกคุณต่อแบบอย่างของทุกคนมากและจะทำต่อไปเช่นเดียวกัน ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน