ผมมีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ศาสนพิธีเป็นประจำ ได้ฟังเรื่องราวทางวิญญาณที่ดีและจรรโลงใจเสมอจากประสบการณ์จริงของเจ้าหน้าที่พระวิหารและผู้ร่วมศาสนพิธีขณะพวกเขารับใช้ในพระนิเวศน์ศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า เราแต่ละคนตระหนักว่าครูที่แท้จริงในพระวิหาร คือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ทรงสอนเราทุกคนในทุกแง่มุมของทุกเรื่อง หนึ่งในเจ้าหน้าที่พระวิหารของเราทำให้ผมนึกถึงคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ ที่บันทึกไว้ในหลักคำสอนและพันธสัญญา 131:7-8
“ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสสารอันเป็นอรูป.วิญญาณทั้งปวงเป็นสสาร, แต่ละเอียดหรือบริสุทธิ์กว่า, และจะมองเห็นได้โดยดวงตาที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าเท่านั้น; เราไม่สามารถมองเห็นวิญญาณ; แต่เมื่อร่างกายของเราบริสุทธิ์แล้ว เราจะเห็นว่าวิญญาณเป็นสสารทั้งหมด.”
ซิสเตอร์วิริยา แสนสุข แบ่งปันประสบการณ์ที่ช่วยให้ผมเรียนรู้และมีแรงบันดาลใจตามไปด้วย เธอเล่าว่า
“เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2025 เมื่อประธานพระวิหารถามดิฉันว่าในการรับใช้ในพระวิหารมีสิ่งใดที่เป็นความทรงจำอันดีงามที่อยากแบ่งปันบ้าง ดิฉันเล่าให้ท่านฟังถึงเรื่องราวการรับใช้ ในเย็นวันหนึ่ง เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่พระวิหารทุกท่าน ดิฉันรับใช้ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย แม้วันนั้นจะมีผู้ร่วมศาสนพิธีจำนวนมากจนดิฉันรู้สึกเหมือนแทบไม่ได้หยุดพักหายใจ แต่สิ่งนี้กลับทำให้มีความสุข เพราะดิฉันรู้ว่านี่คือโอกาสพิเศษในการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าและบุตรธิดาของพระองค์ ในชั่วโมงที่สองของรอบเวรวันนั้น เจ้าหน้าที่พระวิหารท่านหนึ่งถามดิฉันว่า “ซิสเตอร์คิดว่าทำหน้าที่ของตัวเองดีเพียงพอแล้วหรือยัง?” คำถามนั้นทำให้ดิฉันรู้สึกเหมือนถูกผลักให้หล่นวูบลงจากที่สูง ดิฉันไม่เคยคิดว่าจะเจอคำถามเช่นนี้ เพราะทุกครั้งก่อนมารับใช้ ดิฉันมั่นใจว่าได้เตรียมตัวทั้งทางโลกและทางวิญญาณเพื่อให้พร้อมสำหรับการรับใช้และเมื่อรับใช้ดิฉันรับใช้อย่างเต็มใจในทุกงานที่ได้รับมอบหมาย ดิฉันจึงทั้งงงงันและเสียใจกับคำถามนั้น ซึ่งเป็นคำถามที่บาดลึกในความรู้สึก แม้เมื่อเปลี่ยนภารกิจการรับใช้ไปอีกหน้าที่หนึ่งแล้ว คำถามนั้นก็ยังติดอยู่ในใจ สิ่งที่ทำได้ในเวลานั้นคือการสวดอ้อนวอนทูลถามพระผู้เป็นเจ้าและขอการทรงนำเพื่อให้ความเสียใจนั้นเบาบางลง ดิฉันพยายามไตร่ตรองคำถามนั้นอย่างรอบคอบ
ในความสงบของพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ดิฉันสำนึกคุณอย่างยิ่งสำหรับคำตอบที่ได้รับ พระวิญญาณนำให้ดิฉันตระหนักว่า แท้จริงแล้ว คำถามนั้นมิได้เป็นคำตำหนิหรือกล่าวโทษการทำหน้าที่ของดิฉันแต่อย่างใด หากแต่การรับใช้ในพระวิหารเป็นงานที่พระคริสต์ทรงมอบความไว้วางใจให้แก่สานุศิษย์ที่จะปฏิบัติศาสนกิจแทนพระองค์ ดังนั้น งานนี้จึงต้องทำด้วยความรักแม้ดังเช่นพระคริสต์ทรงเป็นตัวอย่างแก่เรา รับใช้ผู้ร่วมศาสนพิธีด้วยความเคารพ ความอ่อนโยน ความเห็นอกเห็นใจ ความอดทน ความพากเพียร และความไม่ฉาบฉวย หรือเพียงให้แล้วเสร็จไปวันวัน การรับใช้ในทุกศาสนพิธีพระวิหารจะดำเนินไปด้วยความบริสุทธิ์ ถูกต้องและแม่นยำ เพื่อถวายเกียรติแด่พระผู้เป็นเจ้า และเพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนพระนิเวศน์ศักดิ์สิทธิ์ได้สัมผัสถึงความรักของพระคริสต์ผ่านการรับใช้อันดีงามของเจ้าหน้าที่พระวิหาร คำตอบที่ได้รับนี้เป็นทั้งพรและพลังที่เติมเต็มลงในใจของดิฉันที่จะรับใช้อย่างมีค่าควรสมกับเกียรติที่ได้รับ และดิฉันยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณเจ้าของคำถามนี้ที่ช่วยสะกิดให้ดิฉันได้ไตร่ตรองวิธีการทำงานรับใช้ให้มากขึ้น ดิฉันฝากสิ่งนี้และเป็นพยานในพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า ในพระนามของพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ เอเมน”
ผมสำนึกคุณต่อเจ้าหน้าที่พระวิหารทุกคนที่กำลังอยู่ในการรับใช้ที่พระวิหารกรุงเทพประเทศไทย แต่ละท่านช่วยสื่อสารเรื่องทางวิญญาณถึงผมทุกวัน เป็นพรอันล้ำค่าที่ช่วยให้ผมพัฒนาตนเองจากการฟัง การรับรู้ การคิด การตัดสินใจ และการกระทำแบบซีเลสเซียล เพิ่มมากขึ้นทีละเล็กทีละน้อยในแต่ละวันในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน