ข่าวสมาชิกท้องที่ (พฤษภาคม 2024)

กิจกรรมเยาวชนสเตคอุบลและท้องถิ่นอุดรกว่า 80 คน ที่พระวิหารกรุงเทพประเทศไทย

เอ็ลเดอร์ไชยชะนะ สาวกเจ็ดสิบภาคและประธานพระวิหารและภรรยา-ประธานวิศิษฐ์ และซิสเตอร์คณาคำร่วมถ่ายภาพกับ กลุ่มเยาวชนและผู้นำจากสเตคอุบลและท้องถิ่นอุดร
เอ็ลเดอร์ไชยชะนะ (สาวกเจ็ดสิบภาค) ประธานและซิสเตอร์คณาคำ (ประธานพระวิหารและภรรยา) ร่วมถ่ายภาพกับกลุ่มเยาวชนและผู้นำจากสเตคอุบลและท้องถิ่นอุดร

“เพื่อผู้คนแห่งพันธสัญญาของเราจะมารวมไว้เป็นหนึ่งเดียวในวันนั้นเมื่อเราจะมายังวิหารของเรา และสิ่งนี้เราทำเพื่อความรอดของผู้คนของเรา”

หลักคำสอนและพันสัญญา 42:36

ในวันที่ 2-3 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 ที่ผ่านมา เยาวชนจากสเตคอุบลและท้องถิ่นอุดร รวมตัวกันกว่า 80 คน โดยนั่งรถทัวร์ที่ใช้เวลากว่า 8-9 ชั่วโมง เพื่อที่จะเดินทางไปพระวิหารเพื่อประกอบศาสนพิธีบัพติศมาแทนคนตาย โดยกิจกรรมนี้ทางผู้นำทางสเตคอุบลและท้องถิ่นอุดรได้มีการประชุมและวางแผนร่วมกันเพื่อจัดกิจกรรมนี้กันมาอย่างยาวนาน เพื่อที่จะช่วยให้เยาวชนได้มีประสบการณ์ที่น่าจดจำ โดยช่วยพวกเขาให้เห็นถึงความสำคัญของการทำประวัติครอบครัวและการประกอบศาสนพิธีเพื่อบรรพชนของพวกเขา

เนื่องจากมีจำนวนเด็กเยาวชนเยอะมาก ผู้นำจึงได้แบ่งกลุ่มให้เด็กๆ เข้าพระวิหารครั้งละ 15-20 คน ในแต่ะละรอบจนครบทุกคน โดยเฉลี่ยแล้วเด็กหนึ่งคนจะได้รับบัพติศมาแทนคนตาย ประมาณ 6-7 คน ซึ่งหมายความว่าในวันนั้น 1 วัน เยาวชนกว่า 80 คนได้ช่วยเหลือบรรพชนและผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเกือบ 500 คน เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากกับงานแห่งความรอดของพระผู้เป็นเจ้า ในกิจกรรมครั้งนี้ไม่ใช่แค่ที่เด็กๆ จะได้เข้าพระวิหาร แต่ระหว่างที่เด็กคนอื่นๆ รอที่จะเข้าไปในพระวิหาร เด็กที่เหลืออยู่ได้มีการทำกิจกรรมร่วมกันมากมาย เช่น กิจกรรมฐานมั่นคงหนักหนา กิจกรรมนี้ผู้นำมีอุปกรณ์ให้เด็กๆ เพื่อที่จะให้เด็กๆช่วยกันสร้างพระวิหารขึ้นมา

โดยให้โจทย์ว่าต้องมีฐานที่มั่นคง เมื่อมีลมมาพระวิหารของเราจะไม่เอนเอียงหรือล้มลงไป ซึ่งอ้างอิงจากข้อพระคัมภร์มอรมอนหนังสือ ฮีลามัน 5:12

กิจกรรมฐานมั่นคงหนักหนา
เยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมฐานมั่นคงหนักหนา
กิจกรรมฐานมั่นคงหนักหนา
เยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมฐานมั่นคงหนักหนา
กิจกรรมฐานมั่นคงหนักหนา
เยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมฐานมั่นคงหนักหนา

โดยส่วนมากแล้วกิจกรรมครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเยาวชนหลายๆ คนเลยที่มีโอกาสได้มาพระวิหาร บางคนมีโอกาสได้มาตอนที่มีโอเพ่นเฮาส์ สำหรับบางคนนี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาพระวิหารอีกทั้งยังได้ทำศาสนพิธีบัพติศมาแทนบรรพชนของพวกเขาด้วย มีเด็กๆ หลายคนได้แบ่งปันความรู้สึกและประจักษ์พยานของพวกเขาไว้ดังนี้

น้องข้าวหอมและน้องมิ้นถ่ายรูปคู่หน้ารูปปั้นพระเยซูคริสต์
น้องข้าวหอมและน้องมิ้นถ่ายรูปคู่หน้ารูปปั้นพระเยซูคริสต์

 

น้องข้าวหอม อายุ 12 ปี จากสาขาหนองคาย (ท้องถิ่นอุดร) เป็นการมาพระวิหารครั้งแรกของเธอ ได้กล่าวว่า

“หนูรู้สึกดีมากๆ ค่ะ นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของหนูเลยค่ะ ที่ได้มาพระวิหารและประกอบศาสนพิธีแทนคนตาย หนูอยากจะกลับมาที่พระวิหารพร้อมกับครอบครัวอีกค่ะ”

น้องมิ้น อายุ 13 ปี จากสาขาหนองคาย (ท้องถิ่นอุดร) ที่เคยมีโอกาสมาพระวิหารตอนที่มีโอเพ่นเฮาส์ ได้กล่าวว่า

“หนูรู้สึกดีและรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีมากที่ได้ไปพระวิหารเพื่อบัพติศมาแทนคนตาย ตอนที่เข้าไปในพระวิหารหนูรู้สึกว่าเหมือนพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เคียงข้างตลอดเวลาและหนูอยากจะกลับมาที่พระวิหารอีกค่ะ”

 

 

น้องยูเนี่ยน อายุ 16 ปี จากวอร์ดโคราช (สเตคอุบล) ผู้ที่เป็นสมาชิกคนเดียวในครอบครัว ได้กล่าวว่า

“ตอนที่ผมได้ยินเรื่องค่ายผมรู้สึกว่าตัวผมอยากไปครับ รู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เข้าพระวิหารได้ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้า เพื่อทำบัพติศมาแทนคนตาย และอยากจะทำความรู้จักเพื่อนๆ และพี่ๆ ในค่ายเช่นกัน ตอนที่เข้าพระวิหารผมรู้สึกสัมผัสถึงพระวิญญาณ และหลังจากที่ได้รับบัพติศมาแทนคนตายแล้ว ผมก็รู้สึกดีครับ รู้สึกว่าได้ทำสิ่งที่ดีลงไป”

น้องฟิวส์ อายุ 15 ปี จากสาขาขอนแก่น (ท้องถิ่นอุดร) ได้กล่าวว่า

“ในครั้งแรกที่ผมได้ยินว่าจะมีค่ายพระวิหารที่กรุงเทพ ผมตื่นเต้นมากที่ทางศาสนจักรได้มีกิจกรรมอย่างนี้ ผมจึงตัดสินใจมาโดยมีทางบ้านสนับสนุน ซึ่งผมเองอยากมาทำศาสนพิธีและมาเสริมประจักษ์พยาน ผมเตรียมตัว สัมภาระสิ่งของ และสวดอ้อนวอนสำหรับทุกอย่าง จนถึงเวลาที่ได้เข้าพระวิหาร ข้างในนั้นเงียบสงบ และรู้สึกถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ การได้ทำศาสนพิธีเพื่อบรรพชนช่วยให้มีค่าควรมากยิ่งขึ้นในพระกิตติคุณ ได้กลับใจ ได้เสริมศรัทธาและผมเชื่อว่าโดยผ่านพระเยซูคริสต์เราสามารถมีชีวิตที่นิรันดร์ ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน”

น้องแอลมา อายุ 17 ปี จากวอร์ดมหาสารคาม (สเตคอุบล) ได้กล่าวว่า

“ตอนแรกเลยที่ได้ยินเรื่องกิจกรรมไปพระวิหารของเยาวชนผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ผมค่อนข้างจะชินกับบริเวณพระวิหารเพราะมีโอกาสได้ไปพระวิหารบ่อย แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดีที่สุดคือ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ไปกับเพื่อนๆ ในสเตคอุบลและท้องถิ่นอุดรซึ่งมันจะเป็นการไปพระวิหารที่พิเศษและน่าจดจำที่สุดครั้งนึงในชีวิตของผมเลย

สิ่งที่สำคัญมากๆ ในการเตรียมตัวไปพระวิหารสำหรับผมคือ ค่าควรและความเข้าใจในพรของพระวิหาร ผมอยากให้ทุกคนที่ได้อ่านข้อความนี้ลองนึกถึงสุภาษิตไทยคำนึง คำว่า ‘ไก่ได้พลอย’ เราจะไม่ต่างอะไรกับไก่ได้พลอยเลยถ้าเราไม่รู้จักและไม่เข้าใจในพรของพระวิหารมาก่อนและกรณีที่แย่ที่สุดคือ เราไม่มีค่ามากพอที่จะได้รับพรที่ยิ่งใหญ่นี้ ผมอยากให้ทุกคนรักษาค่าควรและพยายามทำความเข้าใจพรของพระวิหารมากขึ้น ประธานเนลสันศาสดาของเราบอกว่า ‘ยิ่งเราไม่เข้าใจพระวิหาร สิ่งที่เราควรทำไม่ใช่เลี่ยงที่จะไป แต่เป็นการไปให้บ่อยขึ้น’

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เข้าไปอยู่ในบริเวณรอบพระวิหารความรู้สึกถึงสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือความสงบครับ มันเป็นสิ่งที่ผมโหยหามาตลอดและไม่สามารถหาได้จากโลกภายนอกเลย ผมเคยอ่านนิตยสารศาสนจักรเรื่องหนึ่ง ในนั้นบอกว่า มารจะพยายามดึงเราออกจากที่เงียบสงบเพราะกลัวว่าเราจะได้ยินเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผมรู้สึกเห็นด้วยกับเรื่องนี้มากๆ และผมอยากเชิญชวนทุกคนที่ได้อ่านเรื่องนี้ ให้หาที่เงียบสงบที่เป็นส่วนตัวเพื่อศึกษาพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า และพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ที่จะทำให้เราไม่ได้ยินเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และอย่าลืมแสดงประจักษ์พยานทุกครั้งที่มีโอกาสเพราะเรากำลังเป็นค้อนที่พระองค์ถือเพื่อตีดาบของเพื่อนๆ เราทุกครั้งที่แสดงประจักษ์พยาน แล้ววันนึงเราจะกลายเป็นดาบและค้อนที่แข็งแกร่ง ศรัทธาจะกลายเป็นความรู้อันสมบูรณ์และตอนนั้นมันจะไม่หวั่นไหวต่ออะไรเลย ผมรู้ว่าศาสนจักรนี้เป็นทางเดียวสู่ความรอด ผมกล่าวทั้งหมดนี้ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า เอเมน”

 

นี่เป็นเพียงบางส่วนของประจักษ์พยานจากเด็กเยาวชนที่ได้มีโอกาสไปค่ายในครั้งนี้ การเดินทางมาร่วมกิจกรรมของเด็กเยาวชนมากกว่า 80 คนจากสเตคอุบลและท้องถิ่นอุดรแสดงให้เห็นถึงอีกก้าวหนึ่งในความก้าวหน้าของแผนแห่งความรอดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมเพื่อเราทุกคน ประจักษ์พยานที่เข้มแข็งของเยาวชนที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้นำของศาสนจักรในอนาคตข้างหน้าและที่จะเป็นเครื่องมือของพระเจ้าในการรวบรวมอิสราเอล ดังที่ประธานเนลสัน เคยได้กล่าวไว้ว่า “เมื่อเราพูดถึงการรวบรวมอิสราเอลทั้งสองด้านของม่าน แน่นอนว่าเรากำลังหมายถึงงานสอนศาสนา พระวิหาร และงานประวัติครอบครัว ทั้งยังหมายถึงการสร้างศรัทธาและประจักษ์พยานในใจคนที่อยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกัน และรับใช้ด้วยกัน เมื่อใดก็ตามที่เราทำสิ่งใดเพื่อช่วยคนอื่นให้ทำและรักษาพันธสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า—ไม่ว่าในด้านใดของม่าน เรากำลังช่วยรวบรวมอิสราเอล”

เอ็ลเดอร์และซิสเตอร์ไชยชะนะร่วมถ่ายภาพกับเยาวชนและผู้นำจากสเตคอุบลและท้องถิ่นอุดร ที่หน้ารูปปั้นพระเยซูคริสต์ก่อนที่จะเดินทางกลับ
เอ็ลเดอร์และซิสเตอร์ไชยชะนะร่วมถ่ายภาพกับเยาวชนและผู้นำจากสเตคอุบลและท้องถิ่นอุดร ที่หน้ารูปปั้นพระเยซูคริสต์ก่อนที่จะเดินทางกลับ